สธ. เตรียมส่งเจ้าหน้าที่กองการประกอบโรคศิลปะ ตรวจสอบข้อเท็จจริง รพ.ปทุมเวช หลังรักษา “น้องเซเว่น” เสียชีวิต

กระทรวงสาธารณสุขเตรียมส่งเจ้าหน้าที่กองการประกอบโรคศิลปะตรวจสอบข้อเท็จจริงโรงพยาบาลปทุม-เวช หลังรักษาเด็กชายธีรเดช อายุ 1 เดือนเศษ ซึ่งเป็นฝีที่ข้างรูทวารหนัก จนเสียชีวิต ด้านผู้อำนวยการโรงพยาบาลปทุมธานี แจงการนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อนยืนยันเด็กชายธีรเดชไม่ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลปทุมธานีแต่อย่างใด เกี่ยวกับกรณีที่นายสมนึก ดีประสิทธิ์ อายุ 49 ปี บิดาของเด็กชายธีรเดช ดีประสิทธิ์ อายุ 1 เดือนเศษ อยู่บ้านเลขที่ 31/1918 หมู่บ้านพฤกษา 12 ถนนเลียบคลอง 3 หมู่ 3 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้เข้าแจ้งความสถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี เพื่อให้สอบสวนแพทย์โรงพยาบาลปทุมธานี หลังพาเด็กชายธีรเดชเข้ารักษาตัวจากมีฝีขึ้นข้างรูทวารหนักที่โรงพยาบาลปทุมเวช เมื่อเย็นวันที่ 11 สิงหาคม 2550 หมอตรวจแล้วให้ยาแก้อักเสบ 1 ขวด ให้เด็กรับประทานต่อที่บ้านและแนะนำหากกินยาแล้วเด็กไม่ดีขึ้นใน 3 วัน ให้พาเด็กกลับไปพบแพทย์อีก ต่อมาหลังกินยาเด็กไม่ยอมนอน และพบว่าในวันรุ่งขึ้นเด็กเสียชีวิต โดยบิดาคาดว่าสาเหตุการเสียชีวิตครั้งนี้ เกิดจากการให้ยาเด็กกินเกินขนาด ขณะนี้รอผลการผ่าศพชันสูตรที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์รังสิตในวันที่ 12 สิงหาคมนั้น ความคืบหน้าดังกล่าว นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่านายแพทย์มรกต กรเกษม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้กองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งดูแลโรงพยาบาลเอกชนตรวจสอบข้อเท็จจริงโรงพยาบาลปทุมเวช จังหวัดปทุมธานีแล้ว โดยจะตรวจสอบมาตรฐานตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ได้แก่ ผู้ประกอบวิชาชีพ บุคลากร เครื่องมือแพทย์ และสถานที่ด้วย ว่าเป็นไปตามกำหนดหรือไม่ โดยจะส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย อย่างไรก็ดีต้องรอผลการผ่าชันสูตรศพประกอบด้วย ทางด้านนายแพทย์ปราโมทย์ สุขวิชชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปทุมธานี ให้สัมภาษณ์ว่า หลังทราบข่าวในวันนี้ได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยได้ตรวจทั้งทะเบียนผู้ป่วยนอก ทะเบียนผู้ป่วยใน ตามหอผู้ป่วยต่าง ๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่อยู่เวร ในวันที่ 11 สิงหาคมโดยละเอียดเป็นการด่วนแล้ว ปรากฏว่าไม่พบชื่อของเด็กชายธีรเดช ดีประสิทธิ์ แต่อย่างใด แสดงว่าในวันที่ 11 สิงหาคม เด็กชายธีรเดชไม่ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลปทุมธานี จึงเข้าใจว่าข่าวดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อน ซึ่งหากเป็นโรงพยาบาลปทุมธานีจริงก็พร้อมที่จะดำเนินการให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายอย่างเต็มที่