6 หน่วยงานจับมือสนับสนุนนโยบาย“ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ด้านสุขภาพ” ตรวจสายตาเด็กวัยเรียนทั่วประเทศพร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพเผยสำรวจพบเด็กไทยมีภาวะสายตาผิดปกติร้อยละ6.6 จำเป็นต้องใส่แว่นสายตาร้อยละ4.1 คาดว่าทั่วประเทศมีเด็กที่จำเป็นต้องใส่แว่นตาประมาณ2.6 แสนคนเพื่อลดปัญหาการตาบอดจากสายตาผิดปกติ
วันนี้ (21 ธันวาคม2558) ศ.คลินิกเกียรติคุณนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเปิดประชุมพัฒนาสุขภาพนักเรียน“ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ด้านสุขภาพ” สร้างความรู้ความเข้าใจแนวทางการดำเนินงานโดยมีบุคลากรจากกระทรวงสาธารณสุขกระทรวงศึกษาธิการทั่วประเทศเข้าร่วมกว่า 600คนพร้อมเป็นประธานในพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกันใน 6หน่วยงานเพื่อร่วมมือพัฒนาสุขภาพเด็กวัยเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ ที่รร.แอมบาสเดอร์กทม.
ศ.คลินิกเกียรติคุณนพ.ปิยะสกลกล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบาย“ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้”ลดความเคร่งเครียดจากการเรียนเนื้อหามาเป็นกิจกรรมกลุ่มสร้างสรรค์สนุกสนานเสริมสร้างทักษะด้านร่างกายสติปัญญาอารมณ์และสังคมในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขร่วมสนับสนุนนโยบายนี้โดยสั่งการให้บุคลากรสาธารณสุขทุกระดับดำเนินการดังนี้ 1.สนับสนุนการจัดกิจกรรม“เพิ่มเวลารู้” ของสถานศึกษาในพื้นที่ 2.เตรียมเด็กวัยเรียนให้พร้อมเรียนรู้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนโดยร่วมกับทางโรงเรียนตรวจคัดกรองสายตาและส่งต่อแก้ไขหากพบความผิดปกติ 3.จัดกิจกรรมบนฐานของ“หน้าต่างแห่งโอกาส” แต่ละช่วงวัยหรือช่วงชั้นเรียน 4.ให้ความสำคัญกับการลดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรภาระโรคและปัจจัยเสี่ยงเน้นก่อให้เกิดความตระหนักรู้ด้านสุขภาพทักษะการมีสุขภาพและชีวิตที่ดีสอดคล้องกับค่านิยม 12 ประการดำเนินการให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนปัญหาสุขภาพและต้นทุนทางสังคมในพื้นที่
ด้านนพ.โสภณเมฆธนปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่าในเด็กไทยพบปัญหาภาวะสายตาผิดปกติที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น ประกอบกับที่เด็กใช้สายตาผ่านอุปกรณ์ดิจิตอลมากขึ้นการรับแสงและการเพ่งมองจอเป็นเวลานานส่งผลให้กล้ามเนื้อตาเมื่อยล้าหรืออาจทำให้จอตาเสื่อมไวขึ้นและนำไปสู่ภาวะตาบอดหรือตาเลือนรางได้หากไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาอย่างเหมาะสมและทันเวลาเพราะสายตาและการมองเห็นคือจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่พัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องให้เกิดกระบวนการจดจำคิดและสร้างสรรค์จนกลายเป็นการเรียนรู้ความฉลาดและนำไปสู่พัฒนาการด้านอื่นตามมา ข้อมูลจากการสำรวจโดยครูในเด็กก่อนประถมศึกษาและประถมศึกษาในโรงเรียน17 แห่งในปี2555 พบสายตาผิดปกติร้อยละ6.6 จำเป็นต้องใส่แว่นสายตาร้อยละ4.1 คาดว่าทั่วประเทศมีเด็กที่จำเป็นต้องใส่แว่นตาประมาณ2.6 แสนคนเพื่อลดปัญหาการตาบอดจากสายตาผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม6 หน่วยงานได้แก่กระทรวงสาธารณสุขกระทรวงศึกษาธิการราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและกรุงเทพมหานคร ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาเรื่องสายตาจึงจัดทำ“โครงการเด็กไทยสายตาดี” พัฒนาสุขภาพเด็กนักเรียนในเรื่องสายตาและการมองเห็น“ยิ่งเด็กได้เห็นเด็กยิ่งได้เรียนรู้” โดยจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือส่งเสริมการตรวจวัดสายตานักเรียนและแก้ไขความผิดปกติอย่างเหมาะสมทันเวลาลดความชุกของภาวะตาบอดในเด็กไทยและเด็กนักเรียนมีความพร้อมเรียนรู้ตามนโยบาย“ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้”
********************* 21 ธันวาคม2558