รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผย ผู้บาดเจ็บที่ศีรษะจากอุบัติเหตุจราจรที่นอนรักษาในโรงพยาบาลเกือบทั้งหมดมีสาเหตุจากขับขี่รถจักรยานยนต์โดยประมาท ไม่สวมหมวกนิรภัย เมื่อเกิดอุบัติเหตุทำให้บาดเจ็บที่ศีรษะ เลือดออกในสมอง กระดูกคอหัก เป็นอัมพาต แนะประชาชนขับขี่ใกล้-ไกล อย่าชะล่าใจ ให้เคร่งครัดปฏิบัติตามกฎหมาย 3 เรื่องคือ สวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง ปฏิบัติตามกฎจราจร และเมาไม่ขับ  

ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ว่า จากการตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่า มีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งเจ้าหน้าที่และระบบส่งต่อผู้บาดเจ็บ ที่สำคัญอย่างยิ่ง คือเจ้าหน้าที่ทุกคน ขวัญกำลังใจดีมาก แม้จะเป็นวันหยุดยาวที่ทุกคนควรไปอยู่กับครอบครัว แต่เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลทุกแห่งอยู่ทำงานดูแลประชาชน เช่นเดียวกับหน่วยงานต่างๆ มูลนิธิอาสาสมัคร ซึ่งเป็นสิ่งดีๆที่คนไทยมี และพร้อมจะดูแลประชาชนที่เดือดร้อน รู้สึกประทับใจและขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เสียสละดูแลประชาชน

ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล กล่าวต่อว่า เทศกาลปีใหม่ผ่านไป  3 วัน มีผู้บาดเจ็บจากจราจรเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมากพอสมควร จากการสอบถามผู้บาดเจ็บที่นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลพบว่าเกือบทั้งหมดมีสาเหตุจากขับขี่รถจักรยานยนต์โดยประมาท ไม่สวมหมวกนิรภัย เมื่อเกิดอุบัติเหตุทำให้บาดเจ็บที่ศีรษะ เลือดออกในสมอง กระดูกคอหัก เป็นอัมพาต  เช่น กรณีเด็กนักเรียนที่ขับรถจักรยานยนต์จากโรงเรียนกลับบ้าน คิดว่าระยะทางใกล้ๆ ไม่น่าจะมีอะไร จึงไม่สวมหมวกนิรภัย เมื่อเกิดอุบัติเหตุทำให้บาดเจ็บที่ศีรษะ อาการหนักจนต้องนอนโรงพยาบาล 

 ดังนั้น เรื่องการสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ จึงสำคัญมาก เดินทางใกล้หรือไกลก็ต้องใช้  เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่สมอง ทำให้เสียชีวิตหรือพิการ  ข้อมูลที่ได้จากการตรวจเยี่ยมผู้บาดเจ็บพบว่ามีความสอดคล้องกับข้อมูลขององค์การอนามัยโลกที่ระบุว่า ปี 2557 ไทยมีผู้เสียชีวิตจากจราจร 24,000 ราย ร้อยละ 70 เสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์  ต้องรณรงค์ร่วมกับบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ใน 3 เรื่อง คือ การสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่จักรยานยนต์  การปฏิบัติตามกฎหมายจราจร เช่น ไม่ขับรถย้อนศร ไม่ขับรถเร็ว และ ไม่ขับขี่รถและจักรยานยนต์หากเมาสุรา  เพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเกตุจราจร  ทั้งนี้ ได้ขอให้ผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจรทุกคน เมื่อรักษาจนอาการดีขึ้นกลับไปบ้าน ให้แนะนำเพื่อน คนใกล้ตัว และ คนในครอบครัว ให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

 

อย่างไรก็ตาม แม้โรงพยาบาลทุกแห่งจะเตรียมพร้อมเพื่อดูแลรักษาผู้บาดเจ็บทุกคน แต่ก็เป็นเพียงการตั้งรับ  สิ่งจำเป็นที่ต้องพร้อมเช่นกันคือ การป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจราจร ซึ่งเป็นต้นเหตุของการบาดเจ็บและเสียชีวิต ทุกหน่วยงาน ทั้งสาธารณสุข มหาดไทย ตำรวจ คมนาคม ท้องถิ่น เอกชน มูลนิธิ อาสาสมัคร รวมทั้งประชาชนและ สื่อมวลชน ต้องช่วยกัน

มกราคม  ******************************* 1 มกราคม 2559



   
   


View 14    01/01/2559   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ