“สธ. – ก.ท่องเที่ยวฯ” เปิดงาน "ท่องเที่ยวสุขภาพดี รวมพล 100 ร้าน มาตรฐานสาธารณสุข ล้านนา R1” ยกระดับเศรษฐกิจสุขภาพเมืองเหนือสู่การท่องเที่ยวสุขภาพระดับโลก
- สำนักสารนิเทศ
- 138 View
- อ่านต่อ
กระทรวงสาธารณสุข กำชับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอสม.ทั่วประเทศเฝ้าระวังโรคไข้ฉี่หนูอย่างใกล้ชิด โรคนี้พบได้ตลอดปี ในทุกภาคของประเทศ ติดต่อ 2 วิธีคือ การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อฉี่หนู และเข้าทางแผล เยื่อบุ หรือผิวหนังที่เปียกชื้น เตือนประชาชนดูแลบ้านเรือนให้สะอาด กำจัดขยะไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของหนู สงสัยป่วยให้รีบพบแพทย์ รักษาหายได้
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า โรคเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) หรือโรคไข้ฉี่หนู เป็นโรคประจำถิ่น พบได้ตลอดปี แต่จะพบมากในฤดูฝน ช่วงกรกฎาคม-กันยายนทุกปี ซึ่งเป็นฤดูกาลทำการเกษตรกรรม ช่วงหลังน้ำท่วมและน้ำหลาก มีน้ำท่วมขังในหลายพื้น ผู้ที่ต้องสัมผัสดินและน้ำเป็นเวลานานๆ เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคไข้ฉี่หนูที่ปนเปื้อนตามแหล่งน้ำ และดินที่ชื้นแฉะ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ในพื้นที่มีน้ำท่วมขัง หรืออยู่ในที่แออัด มีหนูชุกชุม จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แม้จะไม่ได้เดินลุยน้ำท่วมขังก็ตาม กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทั่วประเทศ เฝ้าระวังโรคไข้ฉี่หนูอย่างใกล้ชิด เร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้วิธีการป้องกันตัวแก่ประชาชน เพื่อลดการป่วยและการเสียชีวิตที่สำคัญ หากพบผู้ป่วยรายแรกในพื้นที่ ให้รีบดำเนินการสอบสวนโรคในทันที เพื่อหาปัจจัยเสี่ยง แหล่งแพร่โรค และให้สุขศึกษาเพื่อการป้องกันโรคในผู้ป่วยรายอื่นต่อไป กรณีผู้ป่วยเสียชีวิต ให้ตรวจยืนยันและรายงานการสอบสวนโรคที่สำนักระบาดวิทยาทุกราย เพื่อวางแผนการป้องกันควบคุมโรคต่อไป
โรคไข้ฉี่หนู เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย อยู่ในฉี่ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เป็นแหล่งรังโรคเช่น หนู วัว ควาย เชื้อโรคนี้มีชีวิตอยู่ในน้ำได้หลายเดือน สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 2 วิธี คือจากการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อฉี่หนูเข้าไป และเชื้อเข้าทางแผล เยื่อบุในปาก ตา หรือแผล ผิวหนังปกติที่เปียกชื้น เชื้อก็สามารถไชผ่านไปได้ หลังได้รับเชื้อประมาณ 7-10 วันจะเริ่มมีอาการ โดยมีไข้สูงทันทีทันใด ปวดศีรษะ ปวดตามกล้ามเนื้อมาก ปวดน่องหากมีอาการให้รีบพบแพทย์ทันที โรคนี้มียารักษาหายขาด หากไม่รีบรักษาและปล่อยไว้นานจนอาการมากขึ้น อาจเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนปอดบวม หัวใจล้มเหลว กล้ามเนื้ออักเสบ สมองและไขสันหลังอักเสบ ไตวาย หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำย่ำโคลนควรสวมรองเท้าบู๊ท และรีบอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดเช็ดตัวให้แห้ง ดูแลบ้านเรือนให้สะอาดกำจัดขยะไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ ปิดอาหารมิดชิดป้องกันไม่ให้หนูฉี่รดอาหาร ดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุกอาหาร ส่วนผู้ที่ชำแหละหนูเพื่อนำมาเป็นอาหาร ควรสวมถุงมือและปรุงให้สุกก่อนรับประทาน
ทั้งนี้ ในปี 2558 สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานผู้ป่วยโรคฉี่หนูทั่วประเทศ 2,176 คนเสียชีวิต 33ราย ใน 67 จังหวัด พบผู้ป่วยทุกภาค จังหวัดที่มีอัตราป่วยมากที่สุด 5 อันดับได้แก่ ยะลา ศีรษะเกษ ระนอง กาฬสินธุ์ และเลย อาชีพที่พบสูงสุดได้แก่ เกษตรกร ร้อยละ 55.8 รองลงมาอาชีพรับจ้าง 17.3 และนักเรียน 9.8 สำหรับในปี 2559 ตั้งแต่ 1 - 11 มกราคม พบผู้ป่วย 12 คน จาก 9 จังหวัด
***************************** 17 มกราคม 2559