กระทรวงสาธารณสุข กำชับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอสม.ทั่วประเทศเฝ้าระวังโรคไข้ฉี่หนูอย่างใกล้ชิด โรคนี้พบได้ตลอดปี  ในทุกภาคของประเทศ ติดต่อ 2 วิธีคือ การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อฉี่หนู และเข้าทางแผล เยื่อบุ หรือผิวหนังที่เปียกชื้น เตือนประชาชนดูแลบ้านเรือนให้สะอาด กำจัดขยะไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของหนู สงสัยป่วยให้รีบพบแพทย์ รักษาหายได้  

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า โรคเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) หรือโรคไข้ฉี่หนู เป็นโรคประจำถิ่น พบได้ตลอดปี แต่จะพบมากในฤดูฝน ช่วงกรกฎาคม-กันยายนทุกปี  ซึ่งเป็นฤดูกาลทำการเกษตรกรรม ช่วงหลังน้ำท่วมและน้ำหลาก มีน้ำท่วมขังในหลายพื้น ผู้ที่ต้องสัมผัสดินและน้ำเป็นเวลานานๆ เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคไข้ฉี่หนูที่ปนเปื้อนตามแหล่งน้ำ และดินที่ชื้นแฉะ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ในพื้นที่มีน้ำท่วมขัง หรืออยู่ในที่แออัด มีหนูชุกชุม จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แม้จะไม่ได้เดินลุยน้ำท่วมขังก็ตาม  กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทั่วประเทศ เฝ้าระวังโรคไข้ฉี่หนูอย่างใกล้ชิด เร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้วิธีการป้องกันตัวแก่ประชาชน เพื่อลดการป่วยและการเสียชีวิตที่สำคัญ หากพบผู้ป่วยรายแรกในพื้นที่  ให้รีบดำเนินการสอบสวนโรคในทันที เพื่อหาปัจจัยเสี่ยง แหล่งแพร่โรค และให้สุขศึกษาเพื่อการป้องกันโรคในผู้ป่วยรายอื่นต่อไป กรณีผู้ป่วยเสียชีวิต ให้ตรวจยืนยันและรายงานการสอบสวนโรคที่สำนักระบาดวิทยาทุกราย เพื่อวางแผนการป้องกันควบคุมโรคต่อไป

โรคไข้ฉี่หนู เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย อยู่ในฉี่ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เป็นแหล่งรังโรคเช่น หนู วัว ควาย เชื้อโรคนี้มีชีวิตอยู่ในน้ำได้หลายเดือน สามารถเข้าสู่ร่างกายได้  2 วิธี คือจากการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อฉี่หนูเข้าไป และเชื้อเข้าทางแผล เยื่อบุในปาก ตา หรือแผล ผิวหนังปกติที่เปียกชื้น เชื้อก็สามารถไชผ่านไปได้ หลังได้รับเชื้อประมาณ 7-10 วันจะเริ่มมีอาการ โดยมีไข้สูงทันทีทันใด ปวดศีรษะ ปวดตามกล้ามเนื้อมาก ปวดน่องหากมีอาการให้รีบพบแพทย์ทันที  โรคนี้มียารักษาหายขาด หากไม่รีบรักษาและปล่อยไว้นานจนอาการมากขึ้น อาจเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนปอดบวม หัวใจล้มเหลว กล้ามเนื้ออักเสบ สมองและไขสันหลังอักเสบ ไตวาย    หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำย่ำโคลนควรสวมรองเท้าบู๊ท และรีบอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดเช็ดตัวให้แห้ง  ดูแลบ้านเรือนให้สะอาดกำจัดขยะไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ ปิดอาหารมิดชิดป้องกันไม่ให้หนูฉี่รดอาหาร  ดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุกอาหาร  ส่วนผู้ที่ชำแหละหนูเพื่อนำมาเป็นอาหาร ควรสวมถุงมือและปรุงให้สุกก่อนรับประทาน  

ทั้งนี้ ในปี 2558 สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานผู้ป่วยโรคฉี่หนูทั่วประเทศ  2,176 คนเสียชีวิต 33ราย ใน  67 จังหวัด พบผู้ป่วยทุกภาค  จังหวัดที่มีอัตราป่วยมากที่สุด 5 อันดับได้แก่ ยะลา ศีรษะเกษ ระนอง  กาฬสินธุ์ และเลย   อาชีพที่พบสูงสุดได้แก่ เกษตรกร ร้อยละ 55.8 รองลงมาอาชีพรับจ้าง 17.3 และนักเรียน 9.8  สำหรับในปี 2559 ตั้งแต่ 1 - 11 มกราคม พบผู้ป่วย 12 คน จาก 9 จังหวัด

***************************** 17 มกราคม 2559

 



   
   


View 14    17/01/2559   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ