ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา ด้านแมลงนำโรค ด้านโรคติดเชื้อและด้านห้องปฏิบัติการวินิจฉัย ชี้โรคติดเชื้อไวรัสซิกามีโอกาสระบาดในประเทศไทยเล็กน้อยถึงปานกลาง เตือนประชาชนที่มีไข้ ออกผื่น ตาแดง ปวดข้อ โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ให้พบแพทย์ทันที หากจะไปในพื้นที่โรคระบาดควรปรึกษาแพทย์ก่อน ขอความร่วมมือประชาชนต้องช่วยกัน “ปราบยุงลาย” โรคนี้รักษาตามอาการ อาการมักไม่รุนแรงหายเองได้
วันนี้ (4 กุมภาพันธ์ 2559)ที่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาด้านวิชาการและยุทธศาสตร์ เพื่อเตรียมความพร้อม ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2559 และประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา ด้านแมลงนำโรค ด้านโรคติดเชื้อและด้านห้องปฏิบัติการวินิจฉัย ว่า องค์การอนามัยโลกรายงานข้อมูลปี 2558- 30 มกราคม 2559 พบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ใน 26 ประเทศ ทั้งนี้ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ได้ประชุมภาวะฉุกเฉินภายใต้กฎอนามัยระหว่างประเทศ เพื่อพิจารณาสถานการณ์และความเสี่ยง และประกาศเป็นภัยฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ให้ทั่วโลกช่วยกันรับมือกับไวรัสดังกล่าว
ในประเทศไทยพบผู้ป่วยครั้งแรก พ.ศ.2555-2558 กระจายอยู่ทุกภาคเฉลี่ยปีละ 5 ราย การประเมินความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโรคนี้ฯในประเทศมีเล็กน้อยถึงปานกลาง ส่วนความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อ ช่องทางหลักผ่านทางการโดนยุงลายกัด และช่องทางที่เป็นไปได้ เช่น จากมารดาที่ป่วยสู่ทารกในครรภ์ รวมทั้งทางการมีเพศสัมพันธ์ แต่พบได้น้อยมาก สำหรับการเฝ้าระวังโรคมีข้อแนะนำให้ดำเนินการใน 4 ประเด็น ได้แก่ การเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา การเฝ้าระวังทางกีฏวิทยา การเฝ้าระวังในทารกแรกเกิดที่มีความพิการแต่กำเนิด และการเฝ้าระวังกลุ่มอาการทางระบบประสาท โดยได้เตรียมทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วไว้พร้อมออกสอบสวนโรคทันที นอกจากนี้ ได้เฝ้าระวังในกลุ่มผู้เดินทางจากพื้นที่ระบาดที่มีไข้ ออกผื่น ตาแดง ปวดข้อ อีกด้วย โรคนี้อาการมักไม่รุนแรง หายได้เอง ตรวจยืนยันเชื้อได้ด้วยห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเครือข่าย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดลและสถาบันบำราศนราดูร
ทั้งนี้ ได้แนะนำให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการดังนี้ 1.ในกลุ่มเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ให้เฝ้าระวังโรคใน 4 ประเด็นข้างต้น รักษาผู้ป่วยตามแนวทางการรักษา ส่งตรวจเชื้อทางห้องปฏิบัติการและควบคุมแมลงพาหะนำโรค 2.ในส่วนประชาชน เน้นการกำจัดแหล่งเพาะพันธ์ยุงลายและป้องกันไม่ให้ยุงกัด เช่นเดียวกับโรคไข้เลือดออก หาก มีไข้ ออกผื่น ตาแดง ปวดข้อ อาจมีโอกาสเป็นโรคนี้ ขอให้พบแพทย์ทันที โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์ 3.ในผู้ที่ต้องเดินทางไปพื้นที่ระบาด ต้องระมัดระวังไม่ให้ยุงกัด สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวให้มิดชิด ใช้ยาทาป้องกันยุงกัด หากเป็นหญิงตั้งครรภ์ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการเดินทาง ขอเน้นย้ำว่า โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ดังนั้นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการลดจำนวนยุงลาย ด้วยการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ซึ่งเป็นยุงในบ้าน ประชาชนต้องช่วยกัน “ปราบยุงลาย” ในบ้านและในชุมชนของตนเอง เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการป้องกันควบคุมโรค ประชาชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
************************************ 4 กุมภาพันธ์ 2559
****************************
View 12
04/02/2559
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ