กระทรวงสาธารณสุข ตั้งศูนย์รักษาโรคจอประสาทตา 12 เขตสุขภาพ ระยะแรกนำร่องในโรงพยาบาล 4 ภาคที่มีความพร้อม เพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยจอประสาทตาเสื่อมที่พบได้ประมาณกว่าร้อยละ 10 ของประชากร พบมากใน 3 กลุ่ม คือ ผู้ป่วยโรคเบาหวานขึ้นตา เด็กคลอดก่อนกำหนด และผู้สูงอายุที่จอประสาทตาเสื่อมตามวัย ป้องกันไม่ให้ตาบอด
วันนี้ (18 เมษายน 2559) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ รับมอบเครื่องมือแพทย์จากบริษัท คาร์ล ไซส์ส จำกัด ที่มอบกล้องผ่าตัดตา เครื่องสลายต้อกระจกด้วยคลื่นความถี่สูง และเลนส์แก้วตาเทียม มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท เพื่อนำไปมอบให้เขตสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนการรักษาผู้ป่วยตาต้อกระจกของประเทศไทย
นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างปฏิรูประบบบริการสุขภาพ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการจัดบริการสุขภาพ ให้ประชาชนในทุกพื้นที่ของประเทศไทย ได้รับบริการทีมีคุณภาพ ทัดเทียมกัน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ต้องเดินทางออกนอกเขตสุขภาพ ซึ่งกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขได้เป็นเจ้าภาพหลักในการพัฒนาระบบบริการสาขาจักษุ ตั้งเป้าพัฒนาให้เขตสุขภาพทั้ง 12 เขต มีศูนย์เชี่ยวชาญด้านจักษุ เพื่อดูแลผู้ป่วยโรคทางตา โดยเริ่มต้นพัฒนาให้มีศูนย์โรคจอประสาทตา เพื่อรองรับผู้ป่วยโรคทางจอประสาทตา ที่พบได้ประมาณกว่าร้อยละ 10 ของประชากร พบมากใน 3 กลุ่มคือ กลุ่มแรกผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่มีภาวะแทรกซ้อนทางตา ซึ่งขณะนี้คนไทยป่วยเป็นโรคเบาหวานประมาณ 5 ล้านคน และหากป่วยนานเกิน 20 ปี มีโอกาสมีภาวะเบาหวานขึ้นตาถึงร้อยละ 20 กลุ่มที่ 2.เด็กคลอดก่อนกำหนดที่มีปีละประมาณ 8 หมื่นคน และกลุ่มที่ 3.ผู้สูงอายุที่จอประสาทตาเสื่อมตามวัย ซึ่งจะเป็นกลุ่มใหญ่เมื่อเราก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพัฒนาระบบบริการรองรับ แม้จำนวนผู้ป่วยไม่มากนักแต่ความรุนแรงของโรคสูงเพราะกลุ่มคนเหล่านี้ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะประสบปัญหาตาบอด
ทั้งนี้ ในระยะแรกจะนำร่องตั้งศูนย์โรคจอประสาทตาในโรงพยาบาลที่มีความพร้อมทั้ง 4 ภาค และจะพัฒนาให้มีครบทั้ง 12 เขตสุขภาพต่อไป เพื่อให้ประชาชนในทุกพื้นที่ได้รับการรักษาโรคทางตาที่ยุ่งยากซับซ้อน โดยเริ่มต้นที่โรคจากจอประสาทตา ตาต้อกระจก ท้ายที่สุดจะกลายเป็นศูนย์รักษาโรคทางตาระดับตติยภูมิ ที่สามารถรักษาโรคยากๆ เช่น ต้อหิน และการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อรักษาดวงตาให้ประชาชนคนไทยทุกคน
**************************** 18 เมษายน 2559
****************************
View 17
18/04/2559
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ