กระทรวงสาธารณสุข สภากาชาดไทย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรมบัญชีกลาง และสำนักงานประกันสังคม ระดมพลังจัดทำ “โครงการดวงตาสดใส เทิดไท้ 84 พรรษา มหาราชินี” ช่วยเหลือผู้ป่วยกระจกตาพิการให้มองเห็นโลกที่สดใสอีกครั้ง 8,400 ดวงตา ใน 5 ปี ตั้งแต่ 12 สิงหาคม 2559 – 12 สิงหาคม 2564
วันนี้ (1 มิถุนายน 2559) ที่ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ศ.กิตติคุณ นพ.ศักดิ์ชัย ลิ้มทองกุล ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง และ นายโกวิท สัจจวิเศษ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการดวงตาสดใส เทิดไท้ 84 พรรษา มหาราชินี” เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสทรงเจริญ พระชนมพรรษา 84 พรรษา และทรงดำรงตำแหน่งสภานายิกาสภากาชาดไทย 60 ปี เป็นการร่วมมือการทำงานระหว่าง 5 หน่วยงานหลัก เพื่อระดมความช่วยเหลือผู้ป่วยกระจกตาพิการให้มองเห็นโลกที่สดใสอีกครั้ง
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยตาบอดจากการตาขุ่นสูงถึง 16,000 คน และต้องรอผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาอีก 8,030 คน ซึ่งแต่ละปีผ่าตัดได้เพียง 800 คน และต่อคิวรออีกปีละ 1,200 คน เนื่องจากขาดแคลนกระจกตา ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยกระจกตาพิการใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก การรักษาผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการที่ดี คือ การผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา โดยนำกระจกตาของผู้เสียชีวิตมาเปลี่ยนให้ แม้จะมีการคิดค้นกระจกตาเทียมแล้วก็ตาม แต่ก็มีความจำเป็นที่ต้องใช้กระจกตาของผู้เสียชีวิตเป็นส่วนประกอบต่อกับกระจกตาเทียมด้วย ด้วยเหตุนี้จึงต้องอาศัยความร่วมมือของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุข จึงร่วมกับศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรมบัญชีกลาง และสำนักงานประกันสังคม จึงจัดทำ “โครงการดวงตาสดใส เทิดไท้ 84 พรรษา มหาราชินี” พัฒนาหน่วยบริการและบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับระบบการจัดหาดวงตาเชิงรุก การจัดเก็บ และการปลูกถ่ายกระจกตา โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ช่วยเหลือผู้ป่วยกระจกตาพิการที่ขึ้นทะเบียนทุกรายให้ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้ป่วยได้มองเห็นโลกที่สดใสอีกครั้ง สร้างโอกาสในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับโครงการนี้ จะดำเนินการในระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2559 – 12 สิงหาคม 2564 ให้ผู้ป่วยกระจกตาพิการที่ขึ้นทะเบียนจองดวงตากับศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา 8,400 ดวงตา โดยในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขทำหน้าที่บริหารจัดการโครงการและดำเนินกิจกรรมตามแผนงาน สนับสนุนการพัฒนาเครือข่ายบริการในการจัดตั้งศูนย์ปลูกถ่ายกระจกตาอย่างน้อยเขตสุขภาพละ 1 แห่ง และศูนย์รับบริจาคดวงตาในโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ จัดให้มีผู้เจรจาขอบริจาคดวงตาเชิงรุก จัดอบรมให้มีความสามารถในการเจรจาขอรับบริจาคดวงตาและการจัดเก็บดวงตาบริจาคได้ และพัฒนาระบบการจัดหา จัดเก็บ และการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาให้มีศักยภาพและครอบคลุมทั่วประเทศ รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการ
ทั้งนี้ ในส่วนสภากาชาดไทย มีหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมผู้แสดงความจำนงบริจาคดวงตาของประชาชนทั้งประเทศ ข้อมูลในการจองดวงตา ผู้บริจาคดวงตา และผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาของประเทศ รวมทั้งการตรวจสอบคุณภาพดวงตาที่บริจาค การจัดสรรดวงตาแก่จักษุแพทย์นำไปผ่าตัดรักษาผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนกับสภากาชาดไทยไว้ การจัดอบรมการจัดหา จัดเก็บดวงตา และปลูกถ่ายกระจกตาแก่บุคลากรในโรงพยาบาลเป้าหมาย รวมทั้งเป็นหน่วยงานรักษาคุณภาพและมาตรฐานการจัดเก็บและบริการดวงตา โดยจะรายงานผลการดำเนินการและผลการจัดสรรดวงตาทุก 1 เดือน ส่วนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรมบัญชีกลาง และสำนักงานประกันสังคม จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายการจัดหา จัดเก็บ และรักษาคุณภาพดวงตา รวมถึงค่าชดเชยค่าบริการผ่าตัดปลูกถ่ายตามสิทธิ์ของผู้ป่วย
***************************** 1 มิถุนายน 2559