กระทรวงสาธารณสุข ลงนามความร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบก ติดตั้งระบบติดตามรถพยาบาลผ่านดาวเทียม(GPS) เชื่อมโยงข้อมูลระบบแสดงพิกัด ความเร็วรถพยาบาล ให้สามารตรวจสอบตำแหน่ง ติดตาม ควบคุมความเร็วแบบ Real time ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของรถพยาบาล สร้างวินัยพนักงานขับรถ ปฏิบัติตามกฎจราจรทำให้ผู้ป่วยและญาติ บุคลากรในรถพยาบาลมีความปลอดภัยมากขึ้น

         

วันนี้(4 สิงหาคม 2559 )ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบริหารจัดการพฤติกรรมการขับขี่ และยกระดับมาตรฐานการขับรถให้ปลอดภัย ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้มีการแก้ไขปัญหา การบาดเจ็บจากการจราจรทางถนน ทำให้เกิดการสูญเสียทรัพย์สิน รวมทั้งผู้ปฏิบัติการทางการแพทย์ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่

          นายแพทย์โสภณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงนามว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลระบบแสดงพิกัด และความเร็วของรถพยาบาลเข้ากับศูนย์บริหารจัดการเดินรถด้วยระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก GPS ของกรมการขนส่งทางบก ให้สามารถดูพิกัด การเคลื่อนที่ และความเร็วได้ทันทีแบบ Real time แสดงสถานะของพนักงานขับรถ เป็นรถของโรงพยาบาลใด การแสดงผลข้อมูลขับรถเร็วกว่ากำหนดหรือไม่ ซึ่งจะเป็นการช่วยยกระดับมาตรฐานการขับรถให้ปลอดภัย สร้างความปลอดภัยแก่ผู้เจ็บป่วยฉุกเฉิน ญาติผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่บนรถพยาบาลและระหว่างปฏิบัติหน้าที่ 

          ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยรถพยาบาล โดยรถพยาบาลทุกคันจะต้องมีโครงสร้างตัวถังรถที่แข็งแรง ติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยตามเกณฑ์ เช่น เข็มขัดประจำที่นั่งของญาติผู้ป่วย บุคลากรทางแพทย์ ติดตั้งระบบติดตามรถผ่านดาวเทียม(GPS) เพื่อติดตามตำแหน่ง ควบคุมความเร็ว ระบบสื่อสารสัญญาณภาพผ่านกล้องCCTV ในการติดตามพฤติกรรมการขับรถ และอาการผู้ป่วยเพื่อช่วยเตรียมการรักษาพยาบาล พร้อมทั้งการทำประกันภัยรถพยาบาลประเภท 1 กรณีเกิดอุบัติเหตุ ให้มีการคุ้มครอง ทั้งผู้ป่วย ญาติผู้ป่วยและบุคลากรในรถ เพื่อให้เกิดความคุ้มครองขั้นพื้นฐาน

          สำหรับพนักงานขับรถพยาบาล จะมีคุณลักษณะพิเศษเพิ่มเติม ได้แก่ 1.ก่อนขับรถจะมีการตรวจแอลกอฮอล์จากลมหายใจต้องเป็น 0 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ทุกครั้ง 2.การตรวจสอบหาสารเสพติดปีละ 2 ครั้ง3.การทดสอบสุขภาพจิต ปีละ 1 ครั้ง 4. จะต้องไม่ขับรถเกิน 4 ชั่วโมง และมีเวลาพักระหว่างทาง และ5. ต้องผ่านการอบรมเพิ่มทักษะและประสบการณ์ การขับรถพยาบาลการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินเบื้องต้น และสถานการณ์จำลองต่างๆ รวมทั้งมีวินัยการขับรถ กรณีมีผู้ป่วยบนรถต้องกำจัดความเร็วที่ 80 กิโมเมตรต่อชั่วโมงหรือไม่เกินที่กฎหมายกำหนด โดยยึดกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และถือปฏิบัติการขับขี่ปลอดภัย(Safety Driving) ตลอดเวลา

          ทางด้าน นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการรวบรวมสถิติการเกิดอุบัติเหตุของรถพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 – กรกฎาคม 2559 พบว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้น 60 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 11 คน บาดเจ็บ 114 คน เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะมีการดำเนินการสอบสวนสาเหตุของกรมควบคุมโรค เพื่อส่งไปยังผู้ตรวจราชการฯ และรายงานมายังผู้บริหารส่วนกลางทุกเดือน

*****************  4 สิงหาคม 2559



   
   


View 17    04/08/2559   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ