กระทรวงสาธารณสุข คัดเลือกงานเด่นจากการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ 13 สาขา เป็นต้นแบบ ลดอัตราป่วย อัตราตาย ลดความแออัด ลดระยะเวลารอคอยอาทิ สาขาโรคหัวใจ เขตสุขภาพที่ 2 ให้ยาเพื่อเปิดหลอดเลือดครบ 100  เปอร์เซ็นต์ และการลดระยะเวลารอคอยผ่าตัดหัวใจของเขตสุขภาพที่ 4 จากความร่วมมือโรงพยาบาลรัฐ และเอกชน ช่วยลดคิวผ่าตัดเฉลี่ย 2-6 เดือนในโรงพยาบาลรัฐและ1-4 สัปดาห์ ในโรงพยาบาลเอกชน

 วันนี้ (30 สิงหาคม 2559 ) ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กทม. นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รับฟังการสรุปผลการประชุมสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาระบบบริการสุขภาพ(Service Plan Sharing) ครั้งที่ 3  ปี 2559  และให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายการพัฒนาระบบบริหารจัดการในรูปแบบของเขตสุขภาพและการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) ตอบสนองต่อปัญหาสุขภาพที่สำคัญของประชาชนรวม 13 สาขา และเพิ่มเติมอีก 2 สาขา ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับประเทศ ระดับเขตสุขภาพ และระดับพื้นที่ มีผลการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนเป็นที่ยอบรับ ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ ทั่วถึง และเป็นธรรม สามารถลดอัตราป่วย อัตราตาย ลดความแออัด ลดระยะเวลารอคอย ด้วยโรคที่เป็นปัญหาต่อสุขภาพที่สำคัญลงได้ โดยมีผลงานเชิงประจักษ์ที่แต่ละเขตได้มานำเสนอ รวม 39  เรื่อง อาทิ สาขาโรคหัวใจ  มีการนำเสนอเครือข่ายพัฒนาระบบสุขภาพเขต 2 สาขาหัวใจ ที่สามารถให้ยาเพื่อเปิดหลอดเลือดครบ 100 เปอร์เซ็นต์ และมีแผนพัฒนาให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล คัดกรอง วินิจฉัย ส่งต่อ พร้อมให้ยาแอสไพรินในภาวะที่สงสัยกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันได้ เนื่องจากเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1-5 ของเขตสุขภาพ  และการลดระยะเวลารอคอยผ่าตัดหัวใจของเขตสุขภาพที่ 4 จากความร่วมมือโรงพยาบาลรัฐ มหาวิทยาลัย และเอกชน ช่วยลดคิวผ่าตัดเฉลี่ย 2-6 เดือนในโรงพยาบาลรัฐส่วนเอกชนเหลือ 1-4 สัปดาห์  

สาขาโรคมะเร็ง นำเสนอการพัฒนาโปรแกรมการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ของเขตสุขภาพที่ 12 ที่ใช้วิธีตรวจหาเลือดแฝงในอุจจาระ ก่อนส่งตรวจด้วยวิธีการส่องกล้อง ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ลดระยะเวลารอคอยและเพิ่มโอกาสในการคัดกรองมะเร็งของประชาชนมากขึ้น  สาขาทารกแรกเกิด  มีการพัฒนาบริการตรวจคัดกรองจอประสาทตาในทารกเกิดก่อนกำหนดของเขตสุขภาพที่ 7 สามารถคัดกรองความผิดปกติทั้งภาวะสายตาสั้น ตาเข ต้อหิน โดยใช้เครื่องมือถ่ายและส่งภาพปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ  โดยไม่ต้องส่งทารกพบผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ได้รับการตรวจพบเร็ว รักษาเร็ว  ช่วยให้สายตาดีขึ้นจนถึงปกติ เป็นต้น

 สำหรับการประชุมครั้งนี้  จัดภายใต้แนวคิด การเชื่อมโยงบริการสู่สุขภาวะที่ยั่งยืนเพื่อให้ผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงานทุกสาขาวิชาชีพ ทุกเขตสุขภาพ กว่า 1,200 คน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ความสำเร็จจากผลงานเด่นของการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ โดยได้รับเกียรติจากกระทรวงมหาดไทยและวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ การคัดเลือกผลงานเด่นของแต่ละสาขา  เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ    รวมทั้งการนำปัจจัยแห่งความสำเร็จในแต่ละเขตสุขภาพ แนวทางการแก้ไข แผนการดำเนินงานในปีต่อไป เพื่อนำไปปรับใช้ในเขตสุขภาพของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป   

    ******************* 30 สิงหาคม 2559

*****************************

 



   
   


View 14    30/08/2559   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ