ประเทศไทย วางนโยบาย “ผู้สูงวัยมีคุณค่า สังคมไทยร่วมดูแล มีสุขจนวาระสุดท้าย” เตรียมพร้อมสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสง่างาม เน้นการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตพร้อมจัดบริการสุขภาพพื้นฐานที่จำเป็น เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีผู้สูงอายุ
 
          ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ประเทศไทยได้รับเชิญเข้าร่วมการประชุม “Attaining Universal Health Coverage (UHC) focusing on Healthy and Active Ageing” ในระหว่างการประชุม G7 ณ เมืองโคเบะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในฐานะประเทศที่มีความเข้มแข็งของระบบสุขภาพ และมีนโยบายที่ชัดเจนในการเตรียมการสู่สังคมสูงอายุทั้งด้านมุมมองเชิงนโยบายและประสบการณ์ในการเตรียมการก้าวสู่สังคมสูงอายุ ร่วมกับผู้นำด้านสุขภาพและผู้เชี่ยวชาญในระดับโลก อาทิ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ผู้อำนวยการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประเทศกลุ่ม G7 สาธารณรัฐสิงคโปร์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
 
          ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกลกล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้น อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านจากสังคมผู้สูงอายุสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ซึ่งมีระยะเวลาสั้นที่สุดในการเปลี่ยนผ่านคือ 16 ปี รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญในการเตรียมการเรื่องนี้เป็นลำดับต้น มีนโยบายและหลักแนวคิดสำคัญคือ “ผู้สูงวัยมีคุณค่า สังคมไทยร่วมดูแล มีสุขจนวาระสุดท้าย” เตรียมพร้อมสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสง่างาม โดยทุกภาคส่วนต้องเข้ามาร่วมดำเนินงาน รวมถึงภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และภาคประชาชน มีการเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่ด้านนโยบายเศรษฐกิจมหัพภาคที่ให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุ การสนับสนุนเบี้ยยังชีพ การยืดระยะเวลาเกษียณอายุ การลดค่าบริการรถโดยสารสาธารณะแก่ผู้สูงอายุ การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสามารถมีชีวิตที่กระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวาในสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยความสะดวก
 
          ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นองค์กรหลักของประเทศในการดูแลสุขภาพประชาชน มีนโยบายส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ใช้ระบบหลักประกันสุขภาพเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนที่สำคัญ โดยจัดให้มีบริการสุขภาพพื้นฐานที่จำเป็น เช่น การตรวจคัดกรองโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)การผ่าตัดต้อกระจก การสนับสนุนอุปกรณ์ช่วยฟัง การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกและข้อเข่า และการบริการทันตกรรม ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
 
          นอกจากนี้ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการจัดระบบดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงในระยะยาว ซึ่งประเทศไทยมีความก้าวหน้าในหลายด้าน โดยทำความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นและกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยอาศัยชุมชนเป็นฐาน มีผู้ดูแลผู้สูงอายุในชุมชนมีกองทุนท้องถิ่นซึ่งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมสนับสนุนงบประมาณ ใช้สำหรับดูแลสุขภาพในชุมชน
 
************************************* 18 กันยายน 2559


   
   


View 11    18/09/2559   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ