กระทรวงสาธารณสุขแฉโรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นภัยใกล้ตัวชาวโลกหมายเลข 1 ในศตวรรษที่ 21 ทุก 1 นาที ดับชีวิตคนทั่วโลก 33 คน ส่วนไทยเฉลี่ยชั่วโมงละ 5 คน ต้นตอใหญ่มาจากปัญหาความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ เบาหวาน และความอ้วน เผยผลสำรวจพฤติกรรมคนไทยล่าสุด พบเสี่ยงป่วยโรคนี้ โดยร้อยละ 86 นิยมเปิบอาหารไขมันสูง เร่งรณรงค์สร้างค่านิยม 4 อ. ลดเสี่ยง ลดโรค วันนี้ (24 กันยายน 2550) ที่กระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์เสรี หงษ์หยก รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลงข่าว การจัดกิจกรรมรณรงค์วันหัวใจโลก ประจำปี2550 ในปีนี้เน้นเรื่อง “รักษ์หัวใจถวายในหลวง” เพื่อน้อมเกล้า ฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในมหาวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษา นายแพทย์มงคลกล่าวว่า ในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนกันยายนทุกปี ซึ่งปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน 2550 องค์การอนามัยโลก (World Health Organization) ร่วมกับสหพันธ์โรคหัวใจโลก (World Heart Federation) และองค์กรเครือข่าย ได้กำหนดให้เป็นวันโรคหัวใจโลก เพื่อย้ำเตือนให้ทุกประเทศทั่วโลก เร่งแก้ไขปัญหาและสร้างกระแสให้ประชาชนตื่นตัว ในการลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยเริ่มต้นในครอบครัว สู่ชุมชนสุขภาพดี เนื่องจากโรคดังกล่าวกำลังเป็นปัญหาสาธารณสุขอันดับ 1 ของทุกประเทศทั่วโลกในศตวรรษนี้ ทำให้ประชากรโลกเสียชีวิตเป็นจำนวนมากทุกปี ในปี 2548 ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ 17.5 ล้านคน เฉลี่ยนาทีละ 33 คน ทั้งนี้ โรคดังกล่าวที่ผ่านมามักเกิดในอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่แนวโน้มขณะนี้พบในอายุน้อยลงเรื่อยๆ ในวัยรุ่นก็พบได้ ในจำนวนนี้ร้อยละ 80 อยู่ในประเทศยากจนและมีฐานะเศรษฐกิจระดับปานกลาง คาดว่าในปี 2553 โรคหัวใจและหลอดเลือดจะเป็นสาเหตุหลักของการตายของคนที่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนาทุกประเทศทั่วโลก ส่วนผู้ที่รอดตายที่มีปีละประมาณ 20 ล้านคน จะมีความพิการ เป็นอัมพาต ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่องยาวนาน เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจำนวนมหาศาลปีละกว่า 18 ล้านล้านบาท ส่วนในไทยมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดปีละประมาณ 40,000 คน เฉลี่ยชั่วโมงละ 5 คน ต้นเหตุสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด เกิดมาจาก 4 ปัจจัยเสี่ยงหลัก ได้แก่ ความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ เบาหวาน ความอ้วน สามารถป้องกันได้ถึงร้อยละ 80 ด้วยการลดพฤติกรรมเสี่ยงและควบคุมปัจจัยเสี่ยง จาก 4 อ. ดังกล่าว ได้แก่ อ.อบายมุข งดการสูบบุหรี่ อ.อาหาร และ อ.ออกกำลัง คือกินดีไร้พุง โดยลดและงดอาหารที่มีรสมัน หวานจัดและเค็มเกินไป เพิ่มการกินผัก-ผลไม้ที่มีรสไม่หวานมาก เช่น ฝรั่ง พุทรา ให้มากขึ้นในแต่ละมื้อ และการเดินเร็วติดต่อกันทุกวัน วันละครึ่งชั่วโมง หรือเดินให้ได้วันละ 9,999 ก้าว รวมทั้ง อ.อารมณ์ ออกกำลังใจวันละ 10-15 นาที ด้วยการสูดหายใจเข้าและออกช้าๆ ไม่เกิน 10 ครั้งต่อนาที และถ้ามีความดันโลหิตสูง มีน้ำตาลและไขมันในเลือดสูง ต้องควบคุมให้ดี ทั้งนี้ถ้าทุกคนสนใจปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด คนไทยก็จะลดอัตราตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ร้อยละ 2 ต่อปี นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผลสำรวจพฤติกรรมการดูแลสุขภาพคนไทย อายุ 6 ปีขึ้นไป ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี 2548 พบคนไทยใช้วิถีชีวิตที่เสี่ยงเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดมากขึ้น โดยร้อยละ 86 กินอาหารที่มีไขมันสูง ร้อยละ 15 กินอาหารประเภทจานด่วน และร้อยละ 72 ดื่มน้ำอัดลมและน้ำหวานรสชาติต่างๆ นอกจากนี้ผลสำรวจเด็กไทยระดับประเทศล่าสุดเมื่อพ.ศ.2546 พบว่าเด็กไทยจากที่เคยมีปัญหาเรื่องขาดอาหาร กระโดดมาเป็นอ้วนเกินถึงร้อยละ 5 และวัยรุ่นอายุ 13-18 ปี มีภาวะอ้วนร้อยละ 9 และพบเบาหวานประเภทที่ 2 ในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีที่ไม่เคยพบเบาหวานแบบผู้ใหญ่มาก่อน ปัจจุบันก็พบได้ โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ การป้องกันที่ให้ผลดีที่สุดต้องเริ่มที่พ่อแม่ เนื่องจากเป็นผู้ที่มีอิทธิพลสูงสุดในการสร้างพฤติกรรมสุขภาพ การออกกำลังกาย และการกินอาหารที่ถูกต้องให้กับเด็ก ซึ่งจะฝังลึกเป็นพฤติกรรมถาวรไปตลอดชีวิต และควรปลูกฝังพฤติกรรมตั้งแต่ยังเล็กๆ อย่างน้อย 2 ขวบขึ้นไปจะได้ผลดี นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากวันหัวใจโลกตรงกับวันอาทิตย์ ซึ่งไทยถือเป็นวันครอบครัว จึงขอให้ใช้ครอบครัวเป็นจุดเริ่มสร้างพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง โดยให้พ่อแม่เป็นตัวอย่างที่ดี พาลูกกินอาหารที่ไม่หวานเกิน มันเกิน เค็มเกิน และกินผักผลไม้หลากสีให้มากขึ้น โดยให้เสริมผักผลไม้ให้ลูกๆ ไปกินที่โรงเรียน ให้ดื่มน้ำสะอาดแทนน้ำหวาน น้ำอัดลม ลดดูโทรทัศน์และเล่นคอมพิวเตอร์ลง เพิ่มกิจกรรมทางกายและการผ่อนคลาย ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำให้บ้านปลอดบุหรี่ เพื่อให้ครอบครัวมีหัวใจที่แข็งแรง ด้านนายแพทย์เสรี หงษ์หยก รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันหัวใจโลกปีนี้ จะจัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ ส่วนกลางจัดที่ลานกิจกรรม ชั้น 6 ห้างสรรพสินค้าเดอะ มอลล์ งามวงศ์วาน จังหวัดนนทบุรี ในวันที่ 30 กันยายน 2550 โดยมีหน่วยงานต่างๆ ร่วมจัดซุ้มนิทรรศการให้ความรู้ มีบริการวัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนัก เพื่อสอนวิธีคำนวณค่าดัชนีมวลกาย หาภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน และมอบรางวัลให้กับเครือข่ายองค์กรต่างๆ ที่ร่วมประกวดและมีผลงานดีเด่นในการออกแบบการสื่อสาร เพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดในองค์กรที่อยู่ในพื้นที่ โดยการประยุกต์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวคิดพื้นฐาน ในการสื่อสารเรียนรู้จัดการความเสี่ยงให้กับตัวเอง คนรอบข้าง และสภาพแวดล้อมองค์กร นอกจากนี้ ยังมีการเล่นเกม การตอบปัญหาชิงรางวัล โดยมีศิลปิน ดารา นักร้องจากค่าย อาร์.เอส. มาร่วมสร้างสีสันและให้ความบันเทิงด้วย *************************** 24 กันยายน 2550


   
   


View 10    24/09/2550   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ