รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงตรวจเยี่ยมให้ขวัญกำลังใจแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พบทุกคนใจยังสู้เต็มร้อย โดยออกนโยบายใช้โทรศัพท์บ้าน วิทยุสื่อสาร รักษาทางไกลผู้ป่วยที่สถานีอนามัยในระบบพอ.สว.เดิม ลดความเสี่ยงภัยเจ้าหน้าที่และเพิ่มช่องทางด่วนการเข้าถึงการรักษาที่ใกล้บ้านของประชาชน ชี้ในรอบ 10 เดือนปีนี้ มีผู้บาดเจ็บจากความไม่สงบรักษาตัวทั้งหมดกว่า 1,000 คน นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางไปตรวจเยี่ยม ร.พ.สุไหงโก-ลก ศูนย์สุขภาพชุมชนตำบลยี่งอ ร.พ.บาเจาะ ร.พ.นราธิวาสราชนครินทร์ จ.นราธิวาส และที่ร.พ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี จ.ปัตตานี เพื่อให้กำลังใจแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ เมื่อบ่ายวันนี้ (25 ตุลาคม 2550) ว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในรอบ 3 ปีมานี้ ส่งผลกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างมาก ทำให้งานบริการเชิงรุกเช่นงานอนามัยโรงเรียน งานเยี่ยมบ้าน งานให้ภูมิคุ้มกันโรค ต้องหยุดชะงักหรือต้องชะลอไปก่อน ส่วนการรักษาพยาบาลผู้ที่เจ็บป่วยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ทุกคนยังทุ่มเทการทำงานเต็มร้อย ผู้ป่วยมี 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ในรอบ 10 เดือนในปีนี้ มีผู้บาดเจ็บใน จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา เข้ารักษาในโรงพยาบาล 1,202 ราย เฉลี่ยวันละ 4 ราย เช่นที่ ร.พ.สุไหงโก-ลก พบว่ามีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์มารักษาร้อยละ 70 ของผู้ป่วยฉุกเฉินทั้งหมด และนอนรักษานานกว่าผู้ป่วยทั่วไปถึง 10 เท่าตัว นายแพทย์มงคล กล่าวต่อว่า ผู้ป่วยกลุ่มที่ 2 ได้แก่ผู้ที่เจ็บป่วยทั่วไป ซึ่งประมาณร้อยละ 40 ได้รับการดูแลที่สถานีอนามัยในหมู่บ้าน โดยแต่เดิมนั้นเคยจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการตามหมู่บ้านต่างๆได้ แต่ขณะนี้มีขีดจำกัดมาก รวมทั้งยังมีผู้ป่วยโรคเรื้อรังในหมู่บ้านที่ต้องดูแลต่อเนื่องเพิ่มขึ้น เช่นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไต ที่ไม่สามารถเดินทางไปโรงพยาบาลได้สะดวกเหมือนอดีต ในปีนี้ได้ปรับการทำงานใหม่ โดยฟื้นฟูการรักษาทางไกลแบบพอ.สว. ของสมเด็จย่ามาใช้เสริมระบบที่สถานีอนามัย ให้เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางทางวิทยุหรือโทรศัพท์บ้านที่โรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลชุมชน และสั่งจ่ายยารักษาเหมือนผู้ป่วยไปโรงพยาบาลเอง โดยจะสนับสนุนยาไปให้สถานีอนามัยอย่างเต็มที่ และหากผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องไปโรงพยาบาลก็ให้เหมารถจากหมู่บ้าน และจะจ่ายค่าเหมารถให้ ได้มอบหมายให้นายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ดูแลติดตามเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพื่อดูแลประชาชนอย่างดีที่สุดและให้เจ้าหน้าที่ปลอดภัยที่สุด ทางด้านนายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เพิ่มศักยภาพการตรวจวินิจฉัยและรักษาของร.พ.ศูนย์ยะลา ร.พ.ปัตตานี ร.พ.นราธิวาสราชนครินทร์ และร.พ.สุไหงโก-ลก ซึ่งมีแพทย์เฉพาะทางอยู่แล้ว โดยจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ อาทิ เครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ เครื่องช่วยหายใจ เครื่องอัลตราซาวด์ เพื่อลดความเสี่ยงภัยในการส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาข้ามจังหวัด ซึ่งในแต่ละวันโรงพยาบาลชุมชนต่างๆ จะส่งผู้ป่วยรักษาที่โรงพยาบาลดังกล่าวเฉลี่ยแห่งละ 8 - 10 คน ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อมีเครื่องมือแล้วก็สามารถรักษาได้เลยไม่ต้องส่งต่ออีก ประชาชนจะได้รับการบริการใกล้บ้านด้วย นอกจากนี้ในปี 2551 นี้ คณะกรรมการจัดสรรแพทย์ประจำบ้านได้จัดโควต้าให้แพทย์ที่ใช้ทุนครบ 2 ปีแล้วในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้เรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง เช่น สาขาศัลยกรรมกระดูก การผ่าตัด โรคหัวใจ สาขาเด็ก สาขาสูติกรรม ทั้งหมด 69 โควต้าด้วยกัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วง 3 ปีที่ผ่านมาถึง 3 เท่าตัว


   
   


View 6    25/10/2550   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ