สสจ.อุดรธานี เข้าร่วมประชุมประชุมวิจัยเชิงปฏิบัติโดยบูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อลดอุบัติเหตุและการเสียชีวิต ให้สอดคล้องกับเป้าหมายแผนแม่บทฉบับที่ 5” ประจําปีงบประมาณ 2567 (ปีที่ 1: ระยะที่ 2)

วันเสาร์ ที่ 31 สิงหาคม 2567 เวลา 09.00 น. ดร.นพ.สมชายโชติ  ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี มอบหมาย ดร.อุเทน       หาแก้ว รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วย นายธนทร ศรีนาค หน.สนง.ปภ.จังหวัดอุดรธานี และคณะทำงานด้านข้อมูลศปถ.จังหวัดอุดรธานี โดยนายวันชัย  คงเกษม  ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นำทีมจังหวัดอุดรธานี เข้าร่วมประชุมประชุมวิจัยเชิงปฏิบัติโดยบูรณาการทุกภาคส่วน  เพื่อลดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตให้สอดคล้องกับเป้าหมายแผนแม่บทฉบับที่ 5” ประจําปีงบประมาณ 2567 (ปีที่ 1: ระยะที่ 2)             โดยนายชาญวิทย์  ทระเทพ หัวหน้าโครงการวิจัยเป็นประธาน พร้อมชี้แจงการดําเนินงานวิจัยและให้ข้อมูลเรื่อง“การวิจัยเชิงปฏิบัติการโดย     บูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อลดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตให้สอดคล้องกับเป้าหมายแผนแม่บทฉบับที่5” โดยใช้นโยบาย มาตรการ การดำเนินการ     ที่ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับบริบทดังแสดงได้จากหลักฐานเชิงประจักษ์วัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กลไกการจัดการอุบัติเหตุ   ทางถนนที่ดำเนินการ Systemic Safe Management ตาม Save LIVES ที่ใช้ข้อมูลความเสี่ยงจาก Risk Predictive Machine Leaning Model แสดงผลผ่าน Dashboard แบบ Realtime Application สอบสวนอุบัติเหตุเมื่อดำเนินการครอบคลุม สามารถลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ     ทางถนนให้อยู่ในเกณฑ์ปี 2567 ตามแผนแม่บทฉบับที่ 5 , เพื่อให้ระบบข้อมูลบูรณาการที่มีอยู่สามารถขยายไปเชื่อมโยงกับระบบอื่นให้ครอบคลุมเพิ่มขึ้นได้ ,เพื่อปรับปรุง Risk Predictive Machine Learning Model ให้คัดกรองความเสี่ยงทั้งสิ่งแวดล้อม ยานพาหนะ คน ไปแสดงผลบน Dashboardแบบ Realtime รวมทั้ง Application สอบสวนอุบัติเหตุ สามารถปรับปรุง ให้บูรณาการมากขึ้น แม่นยำขึ้น เพื่อกลไกจัดการ          แต่ละระดับสามารถใช้ข้อมูลกำหนดเป้าหมายการดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้นได้ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด       7 จังหวัดในเขตสุขภาพที่ 8 ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 8 หัวหน้ากลุ่มงาน CIO สำนักงานเขตสุขภาพที่ 8 นพ.สสจ./รองนพ.สสจ.  7 จังหวัด ในเขตสุขภาพที่ 8 ปภ.จังหวัด 7 จังหวัด ในเขตสุขภาพที่ 8 และคณะวิจัย จำนวน 100 ราย ผ่านระบบ Zoom Meeting