วันนี้ (7 พฤศจิกายน 2567) นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะ ตรวจเยี่ยมกรมอนามัยมอบนโยบายการส่งเสริมสุขภาพ และอนามัยสิ่งแวดล้อม พร้อมซักซ้อมทีม SEhRT เพื่อรับมือสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และเหตุฉุกเฉิน แนะ ประชาชนเตรียมห้องปลอดฝุ่น เพื่อลดความรุนแรงในกลุ่มเสี่ยง เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ Health Museum อาคาร DOH Data Center บ้านรื่นรมย์ Elderly Day care ศูนย์เด็กเล็กวัลลภไทยเหนือ และ Fitness Center กรมอนามัย โดยมี แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย ดร.นายแพทย์ปองพล วรปาณิ รองอธิบดีกรมอนามัย นายแพทย์ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกรมอนามัยร่วมต้อนรับ
            นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ในการดูแลสุขภาพประชาชน ได้ให้ความสำคัญต่อกรมอนามัยในบทบาทการส่งเสริมสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน โดยองค์ประกอบที่ต้องย้ำเน้นมากในยุคปัจจุบัน คือ การจัดการสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อสุขภาพ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ น้ำเสีย และคุณภาพน้ำประปา โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญ ส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตและเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้มีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด ภูมิแพ้ หัวใจและหลอดเลือด จะมีอาการที่เกี่ยวข้องกับการรับสัมผัสเร็วกว่าประชาชนทั่วไป และอาจมีอาการของโรคกำเริบได้ นอกจากนี้ ในการดำเนินชีวิตในยุคปัจจุบัน ยังมีความเสี่ยงในเรื่องภัยฉุกเฉินต่าง ๆ อาทิ ในปี 2567 มีกรณีโรงงานสารเคมีรั่วไหล ระเบิด เพลิงไหม้ ฯลฯ ในประเทศไทยมากถึง 65 ครั้ง ขอความร่วมมือให้หน่วยงานทุกภาคส่วนบูรณาการทำงานร่วมกัน และกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งการส่งเสริม ป้องกัน และรักษา โดยในการป้องกันและลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ จะมุ่งเน้นการสื่อสาร ให้คำแนะนำในการป้องกันตนเอง การจัดทำห้องปลอดฝุ่นในชุมชน และให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทีม อสม.ลงปฏิบัติการเชิงรุกให้คำแนะนำและประเมินสุขภาพประชาชนเบื้องต้นจากภัยสิ่งแวดล้อม 
             “กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ซักซ้อมเปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) กรณีฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 เพื่อสั่งการศูนย์อนามัยทั่วประเทศดำเนินการ จากนั้น เยี่ยมชมห้องปลอดฝุ่นของศูนย์เด็กเล็กวัลลภไทยเหนือ และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุบ้านรื่นรมย์ ที่ได้จัดเตรียมไว้เพื่อดูแลกลุ่มเปราะบาง ซึ่งห้องปลอดฝุ่นมีหลักการง่าย ๆ คือ กันฝุ่นเข้า กรองฝุ่นในห้อง และดันฝุ่นออก เพื่อลดความเสี่ยงจากการหายใจเอาฝุ่นเข้าสู่ร่างกาย สำหรับวิธีทำห้องปลอดฝุ่น ประชาชนสามารถทำได้โดยปิดประตู หน้าต่างให้มิดชิด ป้องกันอากาศภายนอกเข้าไปในห้อง เพิ่มประสิทธิภาพการลดฝุ่นในห้อง เช่น การใช้เครื่องฟอกอากาศ กำจัดอนุภาคของฝุ่นละอองที่อยู่ภายในห้อง หรือใช้เครื่องเติมอากาศ เพื่อเติมอากาศสะอาดเข้าไปให้ห้อง ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวควรมีขนาดที่เหมาะสมกับห้อง และขอให้ประชาชนทำความสะอาดบ้านให้สะอาด โดยเฉพาะจุดที่เป็นแหล่งสะสมฝุ่น และจัดข้าวของในบ้านให้เป็นระเบียบ ลดหรือเลี่ยงกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองเพิ่ม นอกจากนี้ ประชาชนสามารถมาใช้บริการห้องปลอดฝุ่น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ให้หน่วยบริการสาธารณสุขจัดเตรียมห้องปลอดฝุ่นให้บริการเพื่อลดโอกาสรับสัมผัสมลพิษทางอากาศจากฝุ่น PM2.5 โดยสอบถามรายละเอียดได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ หรือ ค้นหาห้องปลอดฝุ่นใกล้บ้าน สามารถดูข้อมูลห้องปลอดฝุ่นและมุ้งสู่ฝุ่น ได้ที่เว็บไซต์ https://podfoon.anamai.moph.go.th” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว 

***

กรมอนามัย / 7 พฤศจิกายน 2567



   
   


View 161    07/11/2567   ข่าวในรั้ว สธ.    กรมอนามัย