กระทรวงสาธารณสุข กำชับเจ้าหน้าที่ให้การดูแลประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมและอากาศหนาวเย็น เฝ้าระวังโรคที่พบบ่อยโดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ป่วยเรื้อรังอาจพบปอดบวมได้ง่าย

นายแพทย์โอภาส  การย์กวินพงศ์  รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขในฐานะโฆษกกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ว่า  ในช่วงนี้ ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่หน้าหนาวและยังมีสภาพอากาศแปรปรวนฝนตกประปราย ทำให้  ประชาชนเสี่ยงเจ็บป่วยมากขึ้น เช่น ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม อุจจาระร่วง หัด หัดเยอรมัน อีสุกอีใส เป็นต้น  เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นอาจทำให้มีการดูแลสุขอนามัยที่ไม่ดี  พอไม่หมั่นล้างมือ และทำความสะอาดร่างกายทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น ที่น่าห่วงคือกลุ่มผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้มีโรคเรื้อรังประจำตัว อาจมีภูมิคุ้มกันลดต่ำลงส่งผลให้เมื่อเจ็บป่วยแล้วมีอาการรุนแรง เช่นปอดบวมซึ่งในปีที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ป่วย 245,211 ราย เสียชีวิต 360 ราย  ในปี 2560 พบผู้ป่วย 218,834 ราย เสียชีวิต226ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก ได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งอากาศหนาวเย็นกว่าภาคอื่นๆ เฝ้าระวังโรค ออกให้ความรู้ประชาชนในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงในช่วงฤดูหนาว                      

          ขอให้ประชาชนรักษาความอบอุ่นของร่างกาย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ควรจัดหาเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มกันหนาวให้เพียงพอ และอยู่ในที่อาศัยที่เหมาะสม ปกป้องลมหนาวได้ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ รักษาสุขอนามัยของร่างกาย หมั่นล้างมือ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างเพียงพอ เพิ่มอาหารประเภทแป้งและไขมันเพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย ทาโลชั่นเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง  สวมเสื้อผ้าหนาๆ เครื่องกันหนาว เพื่อรักษาร่างกายให้อบอุ่น โดยเฉพาะบริเวณ หน้าอก ลำคอ ศีรษะ และเท้า ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัว  เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หอบหืด เป็นต้น ควรหมั่นตรวจเช็คค่าความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด และควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด

อย่างไรก็ดี  ในช่วงนี้ ภาคใต้จะยังมีฝนตกชุกหนาแน่นต่อเนื่องอีก 1 สัปดาห์  พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงสูง 11 จังหวัด คือ  ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรังและสตูล ทำให้อากาศจะมีความชื้นสูง    หากมีบุคคลในครอบครัว ป่วยเป็นไข้หวัด ขอให้นอนพักอย่างเต็มที่  ใช้ผ้าปิดปากและจมูกเวลาไอ จาม เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น หากอาการยังไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน ขอให้ไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านหรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่

********************************  6 พฤศจิกายน 2560

 

 

 

 


 

 

 



   
   


View 37    06/11/2560   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ