โฆษกกระทรวงสาธารณสุขเตือนอากาศหนาวเด็กต่ำกว่า 1 ขวบ เสี่ยงเจ็บป่วยง่าย แนะพ่อแม่ดูแลความอบอุ่นร่างกาย

วันนี้ (12 มกราคม 2561) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้สภาพอากาศของประเทศไทยกลับมาหนาวเย็นอีกครั้ง อาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน และเกิดการเจ็บป่วยง่ายโดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ หอบหืด หรือหลอดลมอักเสบ รวมถึงปอดบวมด้วย โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง เนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยสวมเสื้อผ้าให้ความอบอุ่นร่างกายอย่างเพียงพอ ที่น่าห่วงก็คือเด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบ ที่อยู่ในพื้นที่อากาศหนาวเย็น เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตสูง เนื่องจากศูนย์ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายของเด็กยังทำงานไม่เต็มที่จนกว่าจะถึงวัยผู้ใหญ่ อุณหภูมิร่างกายเด็กจึงเปลี่ยนแปลงได้ง่ายตามสภาพอากาศ  รวมทั้งผู้สูงอายุ ซึ่งมีเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและไขมันน้อย และมีการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือด เลือดมาเลี้ยงผิวหนังลดลง เสี่ยงต่อภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำ (Hypothermia) ได้ง่าย

ดังนั้นการให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ในช่วงอากาศหนาว เป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรใส่ใจดูแลผู้สูงอายุและเด็กเล็กอย่างใกล้ชิด ควรใส่เสื้อผ้าหนาๆ ใส่ถุงเท้า หมวกไหมพรม หากไม่มีให้ใส่เสื้อผ้าหลายๆ ชั้น และห่มผ้าให้หนามากกว่าปกติขณะนอน นอกจากนี้ ควรให้อยู่ในบริเวณที่อบอุ่น ไม่ให้นอนใกล้หน้าต่างหรือประตู ที่มีลมหนาวโกรกได้ง่าย และไม่ควรนำเด็กไปไว้ใกล้บริเวณที่มีการก่อไฟให้ความอบอุ่น เพราะควันไฟจะระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจเด็ก ทำให้ป่วยได้   

นอกจากนี้ ยังต้องระวังในเรื่องความเปียกชื้นในเด็ก การอาบน้ำหรือชำระล้างตัวเด็ก ควรใช้น้ำอุ่นๆ ในบริเวณที่ไม่มีลมโกรก เลือกเวลาที่อากาศไม่เย็นมากเช่น ตอนบ่าย ส่วนในเด็กเล็กให้หมั่นเปลี่ยนผ้าอ้อม เด็กทารกควรให้กินนมแม่ เพราะนอกจากเด็กจะได้รับภูมิต้านทานโรคจากนมแม่แล้ว การที่แม่โอบลูกขณะกินนมยังสร้างความอบอุ่นให้กับเด็กด้วย รวมทั้งพาบุตรหลานไปรับการฉีดวัคซีนตามกำหนดที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขนัดหมายให้ครบถ้วน

จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ตุลาคม 2560 – 6 มกราคม 2561 พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 50,408 ราย เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี 1,468 ราย ผู้ป่วยโรคปอดบวม67,412 ราย เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี 6,746 ราย เสียชีวิต 1 ราย