กระทรวงสาธารณสุข เสนอ 4 โครงการ ใหญ่ อสม.4.0 ส่งเสริมพัฒนาการเด็กผ่านเครือข่ายชุมชน ติดตามผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด และสร้างอาชีพสำหรับผู้ลงทะเบียนรายได้น้อย ร่วมขับเคลื่อนพัฒนาประเทศตามโครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน”

 

พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับฟังการนำเสนอกิจกรรมงานดูแลสุขภาพประชาชน ตามกรอบ ไทยนิยม ยั่งยืน 10 ประเด็นเพื่อร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข มี 4 กิจกรรม ได้แก่ โครงการ อสม. 4.0 โครงการมหัศจรรย์ 1,000 วัน โครงการสร้างอาชีพสําหรับผู้ลงทะเบียนรายได้น้อย ผ่านการอบรมนวดไทย รวมทั้งการสร้างผู้ช่วยพยาบาล และโครงการติดตามผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดให้มีประสิทธิภาพ  ทั้งนี้  ได้มอบนโยบายในการดำเนินงานโดยขอให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับได้ทำความเข้าใจ ได้รับการถ่ายทอดชัดเจน เสนอปัญหาและแนวทางแก้ไขโดยพื้นที่ ลดความซ้ำซ้อน มีความต่อเนื่องเชื่อมโยง  คำนึงถึงความเป็นไปได้และงบประมาณ ที่สำคัญคือต้องจัดลำดับความเร่งด่วนด้วย

โดยรายละเอียดการดำเนินงานมี 4 กิจกรรม ดังนี้ 1.โครงการ อสม. 4.0 เพื่อพัฒนาให้มีความรู้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น ในการดูแลประชาชน โดยพัฒนาอสม.ทั่วประเทศ 1,030,000 คน ให้สามารถปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็นบุคลากรที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด  2.โครงการมหัศจรรย์ 1,000 วัน ส่งเสริมพัฒนาการเด็กผ่านเครือข่ายชุมชนเพราะเด็กคืออนาคตที่สําคัญของประเทศ ต้องได้รับการพัฒนาเด็กไทยให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเครือข่ายชุมชนในการค้นหา คัดกรอง และกระตุ้นพัฒนาการเด็กล่าช้าให้ได้รับการกระตุ้น ให้เด็กไทยฉลาดขึ้น เติบโตสมวัย สมส่วน 3.โครงการสร้างอาชีพสําหรับผู้ลงทะเบียนรายได้น้อย ผ่านการอบรมนวดไทย 5,000 คน เพิ่มพูนความรู้ทักษะความสามารถด้านการนวดไทยเพื่อสุขภาพ และสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถนําไปประกอบอาชีพ รวมทั้งการสร้างผู้ช่วยพยาบาล 5,000 คน เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานในการดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลให้ผู้ป่วยได้รับการบริการที่ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น

และ 4. โครงการติดตามผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดให้มีประสิทธิภาพ โดยกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต และระบบสุขภาพอําเภอ หรือ พชอ. เพื่อเพิ่มประสิทธิผลการติดตามผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดในระบบสมัครใจ ทั้งนี้ มีผู้ป่วยที่ผ่านการบําบัดในระบบสมัครใจและบังคับบําบัดแบบไม่ควบคุมตัว ในปัจจุบันจํานวน 100,000 คน มั่นใจว่าโครงการจะเข้าถึงและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีสุขภาพแข็งแรง มีครอบครัวที่อบอุ่น มีสังคมที่ปลอดภัย นําพาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนได้เพิ่ม

          ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา มี 2 โครงการใหญ่ที่ดำเนินการแล้ว เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการที่มี คุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาตามบริบทของพื้นที่ คือโครงการหมอครอบครัว ซึ่งผลการวิจัยพบว่า การจัดให้มีหมอประจําครอบครัวจะสามารถลดระยะเวลาการรอคอยในโรงพยาบาลใหญ่จาก 172 นาที ถึง 44 นาที ลดการตายในทารกแรกเกิดได้ร้อยละ 10-40 ลดค่าเดินทางของประชาชนไปโรงพยาบาลได้1,655 บาท/คน รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายสุขภาพได้ถึงร้อยละ 25-30 ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประเทศปีละ 50,000 ล้านบาท  และโครงการ พชอ. ที่ส่งเสริมการทํางานแบบประชารัฐ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น โดยเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ขยะและสิ่งแวดล้อม

*****************************9 กุมภาพันธ์ 2561



   
   


View 36    09/02/2561   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ