ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กำชับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเป็นตัวแทนกระทรวงสาธารณสุขในภูมิภาค เน้นให้ความสำคัญใน 3 ประเด็น  สร้างความสามัคคีภายใน/ภายนอก  การควบคุม/กำกับงานอย่างสม่ำเสมอ “รู้เร็ว รีบแก้ไข” และการพัฒนาด้านกำลังคน รองรับการปฏิรูประบบสาธารณสุข ยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน 
 
           วันนี้ (11 กุมภาพันธ์ 2561) ที่จังหวัดเชียงใหม่  นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเปิดการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานตามคำสั่ง คสช. ที่ 77/2559 ในส่วนภูมิภาค ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความสำคัญกับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ในส่วนภูมิภาค ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับประชาชน กำชับให้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข ดูแล แก้ไข ปัญหาสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ รองรับการปฏิรูประบบสาธารณสุข ยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน เน้นความสำคัญ ใน 3 ประเด็น คือ
        1.การพัฒนาระบบบริหารจัดการให้เกิดความเข้มแข็ง ทำงานเป็นทีม เน้นความสามัคคีภายใน/ภายนอกองค์กร ให้เป็นหนึ่งเดียวในการทำงาน One Province One Health One Team  2.ให้ลงพื้นที่ ติดตามงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับทราบปัญหา และสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที “รู้เร็ว และรีบแก้ไข” ไม่ให้เกิดช่องว่าง โดยเฉพาะในพื้นที่ ห่างไกล ทุรกันดาร ที่สำคัญต้องควบคุมกำกับการใช้งบประมาณ/เงินบำรุง ให้เหมาะสม โดยเฉพาะการลงทุนด้านสิ่งก่อสร้างเน้นประโยชน์ในการทำงาน  ไม่เป็นภาระดูแลในระยะยาว รวมทั้งต้องกำกับดูแลประเด็นปัญหาที่สำคัญของพื้นที่  3.ด้านการพัฒนาด้านกำลังคน  (HR Transformation) ทุกพื้นที่ ต้องสร้างผู้บริหารแถว 2  เพื่อเตรียมความพร้อมขึ้นมาทดแทน โดยกระทรวงสาธารณสุขได้พัฒนาหลักสูตรสำหรับการสร้างผู้บริหารรองรับ เน้นพื้นฐานทางการบริหาร  
 
        สำหรับ ในปี 2562 มีประเด็นสำคัญที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง 5 ประเด็น คือ แพทย์แผนไทยและระบบยาสมุนไพร ด้วยการพัฒนาเมืองสมุนไพร แอปพลิเคชั่นสรรพคุณสมุนไพร  การสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพให้ประชาชน  การออกระเบียบ แนวทางรองรับการดำเนินงานตามนโยบาย “ฉุกเฉินทุกที่ ดีทุกสิทธิ” การจัดทำข้อเสนอชุดสิทธิประโยชน์การส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคทุกกลุ่มวัย 122 รายการ และความมั่นคงด้านยาและเวชภัณฑ์ ด้วยบัญชียาและเวชภัณฑ์เฉพาะโรค 
 
      “ กระทรวงสาธารณสุขจะสนับสนุนการทำงานของส่วนภูมิภาคอย่างเต็มที่ ด้วยการสนับสนุนงบประมาณเหลือจ่าย  ให้พื้นที่นำไปพัฒนางานที่เป็นปัญหาที่สำคัญในพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น รวมทั้งงานด้านส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และคุ้มครองผู้บริโภค นอกจากนี้จะออกแบบระบบการดูแลสุขภาพปฐมภูมิ มุ่งเน้นให้ประชาชนตระหนักรู้ ดูแลสุขภาพได้ด้วยตนเอง และพัฒนาเทคโนโลยีในระบบบริหาร กำกับ ติดตาม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ภายใต้งบประมาณที่จำกัดในอนาคต”นายแพทย์เจษฎา กล่าว
******************************* 11 กุมภาพันธ์ 2561


   
   


View 26    11/02/2561   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ