ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ มอบนโยบายการดำเนินงานในปี 2551 เน้นผู้บริหารโรงพยาบาล เร่งสร้างความเชื่อถือ ความไว้วางใจในคุณภาพรักษาพยาบาลจากสังคมไทย พร้อมทั้งให้ทุกจังหวัดเข้มการควบคุม ป้องกันโรค โดยเฉพาะไข้หวัดนก โรคอหิวาต์ นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ ได้ประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ เพื่อมอบนโยบายและทิศทางในการทำงานในปี 2551 นโยบายเร่งด่วนที่แจ้งให้ทุกจังหวัดทราบ คือ การทำความเข้าใจกฎหมายใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอนามัย 4 ฉบับ ซึ่งผ่านที่ประชุมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว จะมีผลบังคับใช้ในปี 2551 แน่นอน ได้แก่ พระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พระราชบัญญัติสุขภาพจิต และพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ต้องปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว จะต้องทำความเข้าใจวิธีการปฏิบัติ เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้สามารถดำเนินการได้ทันที นายแพทย์ปราชญ์กล่าวต่อว่า ยังได้หารือกับที่ประชุมเกี่ยวกับมาตรการป้องกันคดีการฟ้องร้องผู้ให้บริการทางการแพทย์ ซึ่งขณะนี้มีคดีเพิ่มขึ้น 6 เท่าตัว โดยช่วง 4 – 5 ปีก่อนหน้านี้มีเฉลี่ยปีละ 40 – 50 ราย แต่ในปี 2549 มีคดีฟ้องร้องถึง 300 กว่าคดี จะต้องช่วยกันแก้ไขปัญหา วิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เกิดการฟ้องร้อง ได้กำชับให้ทุกจังหวัดตั้งศูนย์สันติวิธี มีเจ้าหน้าที่ทำงานด้านการไกล่เกลี่ยโดยตรง และทำงานให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เพื่อยุติปัญหาโดยเร็วที่สุด ให้เกิดความพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย ขณะเดียวกันขอให้ผู้บริหารโรงพยาบาล เร่งสร้างความเชื่อถือ ความไว้วางใจจากสังคมในเรื่องมาตรฐานการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลให้ได้ เพื่อให้โรงพยาบาลเป็นของประชาชนในชุมชนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังให้ทุกจังหวัดให้ความสำคัญกับความเข้มข้นของการสอบสวนควบคุมโรคติดต่อ ทั้งโรคไข้หวัดนก ซึ่งพบมีการติดเชื้อในคนมากถึง 12 ประเทศ และอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ไทยจะประมาทไม่ได้ รวมทั้งโรคไข้หวัดใหญ่ และโรคพื้นฐานที่เกิดประจำถิ่น ได้แก่ โรคไข้เลือดออก อหิวาตกโรค และโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน โดยเฉพาะโรคโปลิโอ ซึ่งไทยปลอดผู้ป่วยแล้วกว่า 10 ปี แต่ก็มีโอกาสเสี่ยงที่โรคจะหวนกลับมาได้อีก จากการเดินทางเข้าออกประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ตามแนวพรมแดนต้องเพิ่มการทำงานเชิงรุก ประสานกับผู้บริหารประเทศเพื่อนบ้านในการรณรงค์หยอดวัคซีนหรือฉีดวัคซีนอื่น ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงด้วย ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการป้องกันโรคเข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยจะประชุมติดตามผลการดำเนินงานและปัญหาตามนโยบาย กับผู้บริหารระดับจังหวัดทุก 3 เดือน *********************************** 28 ธันวาคม 2550


   
   


View 3       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ