“สธ. – ก.ท่องเที่ยวฯ” เปิดงาน "ท่องเที่ยวสุขภาพดี รวมพล 100 ร้าน มาตรฐานสาธารณสุข ล้านนา R1” ยกระดับเศรษฐกิจสุขภาพเมืองเหนือสู่การท่องเที่ยวสุขภาพระดับโลก
- สำนักสารนิเทศ
- 124 View
- อ่านต่อ
กระทรวงสาธารณสุข เตรียมของขวัญปีใหม่มอบการดูแลสุขภาพเพื่อคนไทยสุขภาพดี ด้วยโครงการบูรณาการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เพื่อดูแลประชาชนอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพิ่มสิทธิประโยชน์ ตรวจยีนแพ้ยาในผู้ป่วยโรคลมชัก มอบบัตร Smart Card อสม. เพิ่มความรอบรู้ด้านสุขภาพให้คนไทย
วันนี้ (20 ธันวาคม 2561) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายแพทย์ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และนายแพทย์ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่วมกันแถลงข่าว “สธ.มอบของขวัญปีใหม่เพื่อคนไทย ปี 2562”
ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกลกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน ในปี 2562 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้มอบของขวัญที่เน้นการสร้างสุขภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มการเข้าถึงบริการ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร โดยร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน จัดโครงการบูรณาการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เพื่อดูแลประชาชนอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ประชาชนในถิ่นทุรกันดาร 878 อำเภอทั่วประเทศ และกรุงเทพมหานคร ได้เข้าถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐาน ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต การแนะนำฝึกอาชีพ และบริการอื่น ๆ ตามบริบทของพื้นที่ เริ่มดำเนินการวันที่ 11 ธันวาคม 2561 ดำเนินการอำเภอละ 2 ครั้ง
การเพิ่มสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำหรับผู้ป่วยโรคลมชักก่อนเริ่มให้ยารักษา โดยการตรวจยีนที่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการแพ้ยากันชัก “คาร์บามาซีปีน” (Carbamazepine) ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับยาอย่างปลอดภัย ลดโอกาสความพิการและเสียชีวิตจากการเกิดผื่นแพ้ยารุนแรงชนิดกลุ่มสตีเวนส์ จอห์นสัน ซินโดรม (Steven-Johnson Syndrome : SJS) และท็อกซิก อีพิเดอร์มัล เนโครไลซิส (Toxic Epidermal Necrolysis : TEN) ที่มีการหลุดลอกของผิวหนังและเยื่อเมือกบุอวัยวะภายในต่าง ๆ ซึ่งพบมากในประเทศมาเลเซียและไทย โดยในช่วง 10 ปี (พ.ศ. 2545-2554) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับรายงานผู้ป่วยที่มีผื่นแพ้ยารุนแรงราว 5,000 ราย เกิดจากยาคาร์บามาซีปีนปีละประมาณ 160-180 ราย และคาดว่าในปี 2562 มีผู้ป่วยโรคลมชักที่ต้องได้รับการตรวจยีน 29,534 ราย ใช้งบประมาณในการตรวจ 29.53 ล้านบาท โดยจะลดจำนวนผู้ป่วยที่เกิดผื่นแพ้ยารุนแรงจากยาคาร์บามาซีปีน และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาได้ถึง 256.18 ล้านบาท
โครงการจัดทำบัตร “Smart Card อสม.” กระทรวงสาธารณสุข ได้พัฒนาระบบการเบิกจ่ายเงินค่าป่วยการของอสม.ผ่านระบบ e-Payment เพื่อโอนเงินค่าป่วยการเข้าบัญชีธนาคารของ อสม.ที่มีทั้งหมด 1,039,729 คนใน 76 จังหวัด รวมทั้งเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบ Official line @Smart อสม. เป็นช่องทางในการสื่อสาร ข้อมูล และองค์ความรู้ด้านสุขภาพ ให้กับ อสม. นำไปถ่ายทอดความรู้ที่ถูกต้อง สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ให้กับประชาชนโดยตรง ตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพ อสม. เป็น อสม. 4.0 ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการดูแลสุขภาพประชาชนและแก้ไขปัญหาสุขภาพในพื้นที่ร่วมกับเครือข่ายสุขภาพ
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดโครงการบูรณาการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เพื่อดูแลประชาชนอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกล ขาดโอกาสเข้าถึงบริการสุขภาพด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะสุขภาพช่องปาก ปัญหาทางสายตา ภาวะเครียดและซึมเศร้า ดำเนินการ 2 เป็น 2 ช่วงคือ ระหว่างวันที่ 11-24 ธันวาคม 2561 และวันที่ 7-20 มกราคม 2562 ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก ได้แก่ บริการการแพทย์ขั้นพื้นฐาน ทันตกรรม ตรวจตา สุขภาพจิต การแนะนำและฝึกอาชีพ และกิจกรรมอื่น ๆ ตามบริบทพื้นที่
ผลการดำเนินงานวันที่ 11 - 19 ธันวาคม 2561 ทั้งหมด 584 อำเภอ และกทม. รายงานเบื้องต้นจาก 139 หน่วย มีผู้มาใช้บริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ตรวจสุขภาพทั่วไป จำนวน 17,724 ราย ส่งต่อเพื่อเข้ารับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ 884 ราย บริการทันตกรรม 10,050 ราย ส่งต่อ 273 ราย บริการตรวจสายตา 8,037 ราย ส่งต่อ 298 ราย บริการสุขภาพจิต 10,945 ราย ส่งต่อ 581 ราย ฝึกอาชีพ 6,334 ราย และกิจกรรมอื่นๆ ได้แก่ นวดแผนไทย ฉีดวัคซีนสัตว์เลี้ยง ทำหมันสัตว์เลี้ยง แจกพันธุ์ไม้ บริการตัดผม ส่งเสริมการอ่าน ซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า ทำไอศกรีม จำนวน 14,749 ราย
ด้านนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พัฒนาและเปิดให้บริการเภสัชพันธุศาสตร์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญหนึ่งในการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) ที่ใช้ข้อมูลทางพันธุกรรมของผู้ป่วยมาเลือกใช้ยาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยพบว่าคนไทยประมาณ 1 ใน 6 รายมียีน HLA-B*1502 ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดผื่นแพ้ยารุนแรงชนิด กลุ่มสตีเวนส์ จอห์นสัน ซินโดรม และท็อกซิก อีพิเดอร์มัล เนโครไลซิส มีการหลุดลอกของผิวหนังและเยื่อเมือกบุอวัยวะภายในต่าง ๆ อย่างรุนแรง อาจถึงขั้นตาบอดหรือเสียชีวิตได้ จึงได้พัฒนาเทคนิคการตรวจสารพันธุกรรมเสี่ยง HLA-B*1502 ที่มีราคาถูกและมีความถูกต้องเหมาะสำหรับคนไทย เพื่อนำมาใช้ตรวจคัดกรองผู้ป่วยก่อนได้รับยากันชัก “คาร์บามาซีปีน” โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาส่งผู้ป่วยโรคลมชักรายใหม่ตรวจหายีนการแพ้ยาดังกล่าวก่อนให้ยาคาร์บามาซีปีนทุกราย และส่งตรวจได้ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 14 แห่ง
นายแพทย์ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จัดทำบัตร Smart Card ให้กับ อสม. ดำเนินการระยะแรกภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ในพื้นที่ 12 เขต เขตละ 1 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก อุทัยธานี นนทบุรี เพชรบุรี สระแก้ว ขอนแก่น บึงกาฬ ชัยภูมิ อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี และสงขลา และระยะที่ 2 ครอบคลุม 64 จังหวัดที่เหลือ จะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 20 มีนาคม 2562 สำหรับคุณสมบัติของบัตร Smart Card อสม. ใช้เป็นบัตรประจำตัว อสม. เป็นบัตรเดบิตกดเงินสดผ่านตู้ ATM ทุกธนาคารโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ตามที่กำหนด โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการทำบัตรหรือค่าบริการใช้บัตร โดยการส่งมอบบัตร อสม.ทุกคนจะสมัคร Offical Line อสม.เพื่อรับข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพไปเผยแพร่แก่ประชาชนต่อไป
********************************** 20 ธันวาคม 2561