สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานรากฟันเทียม จำนวน 20,000 ราก เพื่อนำไปใส่ให้กับผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่ด้อยโอกาสที่ไม่มีฟันเคี้ยวอาหาร ตามโครงการ รากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยในปี 2551 ตั้งเป้าใส่จำนวน 5,000 ราย ทั่วประเทศ
วันนี้ (7กุมภาพันธ์ 2551) เวลา 09.00 น. ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานรากฟันเทียมจำนวน 1,000 ชุด ที่ผลิตจากสำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เพื่อนำไปใช้ในโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดทำเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โดยมีนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้ารับพระราชทาน
นายไชยา กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดทำโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้บริการผู้สูงอายุที่ไม่มีฟันเคี้ยวอาหารและมีปัญหา สันกระดูกขากรรไกรละลายตัว หลังใส่ฟันเทียมแล้วมีปัญหาฟันเทียมหลุดง่าย เนื่องจากกระดูกขากรรไกรไม่สามารถรับกับร่องเหงือกเทียมได้ ทำให้ฟันเทียมใช้การได้ไม่ดีทั้งการพูดและการเคี้ยวอาหาร จึงต้องใช้วิธีฝังรากฟันเทียมเสริมที่บริเวณขากรรไกรด้านล่าง 2 จุด เพื่อเป็นตัวช่วยยึดฟันเทียมให้ติดแน่นขึ้น โดยมีเป้าหมายดำเนินการ 10,000 รายทั่วประเทศ รายละ 2 ราก รวม 20,000 ราก ดำเนินการเป็นเวลา 3 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2550-2552 โดยได้คัดเลือกจากผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการฟันเทียมพระราชทานของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 80,000 รายทั่วประเทศ สำหรับในปี 2551 นี้ มีเป้าหมายฝังรากฟันเทียม จำนวน 5,000 ราย รวม 10,000 ราก โดยจะให้บริการในสถานบริการในโครงการ 31 แห่ง ประกอบด้วย สถานบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 24 แห่ง และคณะทันตแพทยศาสตร์ 7 แห่ง
นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การฝังรากฟันเทียมเป็นเทคโนโลยีด้านทันตกรรมขั้นสูง ต้องทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่ผ่านมาต้องนำเข้ารากฟันเทียมจากต่างประเทศราคารากละ 50,000-120,000บาท ทำให้ผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาเข้าถึงบริการได้น้อย แต่ในโครงการนี้จะใช้รากฟันเทียมที่ผลิตโดยสำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ซึ่งรากฟันเทียมที่ผลิตนี้ มีคุณภาพดีได้มาตรฐานสากล ราคารากละ 5,000 บาท ถูกกว่าต่างประเทศเกือบ 10 เท่าตัว ช่วยให้ผู้สูงอายุไทยที่ด้อยโอกาสได้รับการดูแลรักษาได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น และช่วยประหยัดงบประมาณในการนำเข้ารากฟันเทียมจากต่างประเทศ ซึ่งหากนำเข้ามาใช้ในโครงการนี้ จะต้องใช้งบมากถึง 1,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพของผู้สูงอายุล่าสุดใน พ.ศ. 2547 พบว่า ผู้สูงอายุเป็นโรคฟันผุร้อยละ 96 เป็นโรคปริทันต์ร้อยละ 62 รากฟันผุร้อยละ 20 ทำให้ผู้สูงอายุร้อยละ 92 ต้องสูญเสียฟัน ในจำนวนนี้สูญเสียฟันทั้งปากร้อยละ 8 หรือประมาณ 480,000 คน และจำเป็นต้องใส่ฟันเทียมทั้งปากจำนวน 300,000 คน โดยผู้สูงอายุมีการแปรงฟันถูกเวลาคือ หลังตื่นนอนตอนเช้าและก่อนนอนเพียงร้อยละ 31 เท่านั้น และชอบใช้ไม้จิ้มฟันแทนการแปรงฟันร้อยละ 64 ซึ่งมีผลให้เหงือกอักเสบง่าย ฟันผุ ฟันโยกเร็วขึ้น
***************************** 7 กุมภาพันธ์ 2551
View 9
07/02/2551
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ