รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะนำเรื่องซีแอลเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในอีก 1-2 สัปดาห์ ภายหลังแถลงนโยบายรัฐบาลแล้ว เพื่อให้ครม.ร่วมกันตัดสินใจ ขับเคลื่อนทั้งคณะ ยืนยันเหตุผลที่ต้องทบทวน เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดต่อทุกฝ่าย บนพื้นฐานความถูกต้อง ไม่กระทบหน่วยงานอื่น นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องซีแอลว่า ในขณะนี้ถือว่าการเป็นรัฐมนตรียังไม่สมบูรณ์ เพราะยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังแถลงนโยบายแล้ว ตำแหน่งรัฐมนตรีจึงจะสมบูรณ์ โดยหลังจากแถลงนโยบายในสัปดาห์นี้แล้ว จะนำเรื่องการทบทวนซีแอลเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี คาดว่าอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีร่วมกันตัดสินใจ ขับเคลื่อนทั้งคณะ เพราะเรื่องนี้กระทบต่อกระทรวงพาณิชย์ด้วย การออกนโยบายต้องมีเหตุมีผล อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมาย กฎสิทธิบัตร ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์กลัวเรื่องผลกระทบทางด้านการค้า แต่กระทรวงสาธารณสุขต้องดูแลเรื่องการเข้าถึงยาของผู้ป่วย ซึ่งหากมีการพิจารณาดูตัวเลขเงินที่คิดว่าเข้าไม่ถึงยา แล้วใช้เงินไม่มาก ก็อาจใช้การเพิ่มงบประมาณเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยา ซึ่งเป็นวิธีที่เราทำได้เองในประเทศ ไม่มีผลข้างเคียงต่อประเทศอื่น ก็จะเป็นทางออกที่ให้ผลมากกว่าการทำซีแอลก็ได้ นายไชยา กล่าวต่อไปว่า การทำซีแอล ระดับหนึ่งก็เห็นด้วย แต่เมื่อเราเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย ต้องให้ความสนใจว่า บางอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎสิทธิบัตร อย่าด่วนตัดสินใจ การประกาศซีแอล ต้องช่วยกันคิดผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ทุกกระทรวงมีหน้าที่ที่ต้องดูแล เช่น กระทรวงสาธารณสุขดูแลสุขภาพ กระทรวงพาณิชย์ต้องดูแลในภาพของการส่งออกและนำเข้า การจะขับเคลื่อนหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสียหาย ก็ต้องมาพูดคุยกัน “ผมยังไม่เคยบอกว่าจะยกเลิกซีแอล แต่บอกว่าจะทบทวน ว่าสิ่งที่เกิดวันนี้เนื่องมาจากอะไร เหตุที่เกิดขึ้นทำไมรีบเร่งเซ็นประกาศ และต้องมาให้ภาระเรารีบเร่งตอบภายในวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2551 เราต้องมองว่าวันนี้เมื่อมีประชาธิปไตย ทางสหรัฐอเมริกาสนับสนุนหลายอย่าง เราต้องมองความสัมพันธ์ของประเทศด้วย ขณะเดียวกันเราก็ตระหนักว่าคนในชาติมีความสำคัญและพร้อมที่จะทำให้คนในชาติอยู่แล้ว แต่เมื่อมีเรื่องที่จะมีผลกระทบข้างเคียงจึงต้องพิจารณาทบทวนให้รอบคอบ” นายไชยา กล่าว นายไชยา กล่าวต่ออีกว่า หากมีการยกเลิกซีแอล ผลกระทบอันดับแรกคือยาแพง รัฐบาลจะสนับสนุนให้กระทรวงสาธารณสุขอย่างไร โดยเฉพาะการประกาศไม่เก็บเงิน 30 บาท กระทรวงเสียหายปีละ 2,000 ล้านบาท ยังไม่ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด และรัฐบาลไม่นำมาทบทวนเพราะเป็นประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ แต่จากการได้สอบถามความเห็นของคณะแพทย์ ยังมีทางออกอื่นๆโดยไม่ต้องประกาศซีแอลก็ได้ โดยการเรียกบริษัทยาเข้ามาพูดคุย เพื่อพูดถึงความจำเป็นว่าเราต้องการความช่วยเหลือ ก็พูดคุยกันว่าเขาจะช่วยเราได้อย่างไร บางทีเขาอาจให้เงินมากกว่าที่เราประหยัดก็ได้ ************************************** 11 กุมภาพันธ์ 2551


   
   


View 11    11/02/2551   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ