รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ห่วงสุขภาพประชาชนในภาคใต้จากฝุ่นควัน ให้สถานบริการสาธารณสุขสำรองห้องปลอดฝุ่น  และขอความร่วมมือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำห้องปลอดฝุ่นไว้ตามโรงเรียน สถานที่ราชการ  รองรับกลุ่มเสี่ยงจากปัญหาฝุ่นควัน

          วันนี้ (24 กันยายน 2562) ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า จากกรณีปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคใต้ กระทบกับสุขภาพประชาชนนั้น การกระทรวงสาธารณสุข มีความห่วงใยสุขภาพประชาชนในภาคใต้ ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมสั่งการให้ผู้ตรวจราชการ และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดในเขตสุขภาพที่ 11 และ 12 ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบภัย เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์ทั้ง 14จังหวัด เพื่อทำงานเชิงรุกให้ความรู้ ดูแลสุขภาพประชาชน

            นายอนุทิน กล่าวว่า ได้ให้โรงพยาบาลศูนย์ยะลา เตรียมเปิดคลินิกมลพิษต้นแบบ  โดยให้ผู้เชี่ยวชาญจากกรมการแพทย์เข้ามาวางระบบให้มีความพร้อมในการดูแลให้คำปรึกษาผู้ป่วยจากปัญหาฝุ่นควัน  เพื่อติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ พร้อมประชาสัมพันธ์ข้อมูลผ่านเพจ “คนรักอนามัย ใส่ใจอากาศ PM 2.5” นอกจากนี้ ได้ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรืออสม.ลงพื้นที่ ดูแลประชาชน แจกหน้ากากอนามัยกลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วยโรคหอบหืด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงและเด็กเล็กไปแล้วกว่า 1แสนชิ้น และขอรับการสนับสนุนเพิ่มจากส่วนกลาง 

         “ได้กำชับให้สถานบริการด้านสาธารณสุข สำรองห้องปลอดฝุ่นสำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยง  และขอความร่วมมือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำห้องปลอดฝุ่นไว้ตามโรงเรียน สถานที่ราชการ  รวมทั้งได้ส่งทีมแพทย์ เฝ้าระวังการเจ็บป่วยใน 4 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบผิวหนัง และระบบตา เมื่อพบความผิดปกติให้รายงานทันที” นายอนุทินกล่าว

           สำหรับสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในภาคใต้ ยังอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพขอความร่วมมือประชาชนติดตามสถานการณ์ฝุ่นควันจากหน่วยงานราชการหรือจาก เพจ “คนรักอนามัย ใส่ใจอากาศ PM 2.5” ร่วมมือไม่เพิ่มปริมาณฝุ่น โดยงดเผาขยะ ใบไม้ หลีกเลี่ยงการจุดธูปเทียน  และควรดูแลตนเองปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการ ดังนี้ ลดระยะเวลาการทำกิจกรรมนอกอาคาร งดการออกกำลังกายกลางแจ้ง หากเลี่ยงการออกนอกอาคารไม่ได้ ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตนเอง และสังเกตอาการตนเองหากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ทันที

********************************** 24 กันยายน 2562



   
   


View 969    24/09/2562   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ