รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้องค์การเภสัชกรรม รักษามาตรฐานการผลิตและขยายรายการผลิตยาแผนปัจจุบันและยาจากสมุนไพร  สร้างความมั่นคงด้านยาให้กับประเทศอย่างยั่งยืน

       วันนี้ (25 ตุลาคม 2562) ที่ โรงงานผลิตยาองค์การเภสัชกรรม อ.ธัญบุรี  จ.ปทุมธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะ รับฟังผลการดำเนินงานขององค์การเภสัชกรรม พร้อมมอบนโยบายการทำงานแก่คณะผู้บริหารองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตยารังสิต 1 ความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยารังสิต 2 โครงการสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ และให้สัมภาษณ์ว่า ชื่นชมองค์การเภสัชกรรมที่พัฒนาก้าวหน้าทั้งประสิทธิภาพ คุณภาพ กำลังการผลิต เป็นที่พึ่งของประชาชน สนองนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะในยามที่ประเทศเกิดภัยพิบัติ ได้สนับสนุนยาและเวชภัณฑ์ ช่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชน ได้ให้องค์การเภสัชกรรม ตั้งงบประมาณรองรับการผลิตเป็นการตอบแทนสังคม(CSR )

“จากการรายงาน อภ.มีผลประกอบการอยู่ในระดับที่เหนือมาตรฐานธุรกิจทั่วไป ขอให้รักษามาตรฐานการผลิตยาและขยายรายการผลิต สร้างความมั่นคงด้านยาให้กับประเทศ ในส่วนที่ยังเป็นปัญหาคือการค้างจ่ายค่ายาจากโรงพยาบาลและสปสช.รวม 5,000ล้านบาท ได้มอบหมายให้รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขด้านบริหารเร่งรัดการจ่าย”นายอนุทินกล่าว

          นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้ องค์การเภสัชกรรม อยู่ระหว่างการเร่งรัดดำเนินงานโครงการสำคัญๆ 4โครงการ ดังนี้ 1.การก่อสร้างโรงงานผลิตยารังสิตระยะที่ 2 นำเทคโนโลยีระดับโลกที่ได้รับการรับรอง WHO Prequalification Program (WHO PQ) ขององค์การอนามัยโลกเป็นแห่งแรกของไทยและอาเซียน เพิ่มกำลังการผลิตอีก 1 เท่าตัว รองรับการผลิตยาจำเป็น ยากลุ่มโรคเรื้อรัง และยาที่มีมูลค่าการใช้สูง คาดว่าจะเปิดทำการผลิตได้ในปี 2565 เพิ่มโอกาสกระจายยาไปประเทศเพื่อนบ้าน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจประเทศ 2.โครงการพัฒนายารักษาโรคมะเร็ง ร่วมมือกับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และบริษัท ปตท. จำกัด มหาชน ศึกษาวิจัยและพัฒนายาชีววัตถุสำหรับการรักษาโรคมะเร็ง อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลการออกแบบโรงงาน มีเป้าหมายดำเนินการผลิตได้ในปี 2570 ช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการนำเข้ายาในกลุ่มนี้ได้มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งปัจจุบันนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมดมูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาทต่อปี

          3.โครงการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดเชื้อตาย 3 สายพันธุ์ ที่ผลิตที่โรงงานผลิต(วัคซีน) ชีววัตถุ ที่ ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทดสอบทางคลินิก และนำผลการทดสอบเป็นข้อมูลดำเนินการขึ้นทะเบียน คาดว่าจะได้รับการขึ้นทะเบียนในปี 2564 และ4.การพัฒนาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร และกัญชาทางการแพทย์ โดยได้พัฒนาพื้นที่ที่อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี 1,500 ไร่ เป็นแหล่งผลิตสมุนไพรทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพแบบครบวงจรร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร โดยนำสรรพคุณเด่นของสมุนไพรแต่ละชนิดที่มีประสิทธิผลเทียบเท่ายาแผนปัจจุบัน อาทิ เถาวัลย์เปรียง ขิง ไพล ผลิตในรูปแบบแคปซูล ให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีรูปลักษณ์และรูปแบบการใช้ให้ทันสมัย มีการศึกษาวิจัยประสิทธิผลรองรับสร้างความเชื่อมั่น นำไปสู่การใช้ระดับโลก

         ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า องค์การเภสัชกรรมมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นองค์กรหลักเพื่อความมั่นคงทางยาและเวชภัณฑ์ของประเทศที่ทันสมัยและยั่งยืน โดยมียุทธศาสตร์ 4 ด้านคือ การผลิตและจัดหาวิจัยยาและเวชภัณฑ์  การตลาดและบริการ การบริหารจัดการองค์กรและการพัฒนาองค์กร  ปัจจุบันผลิตยา 227รายการ ในปี 2562 มีผลประกอบการ 17,940 ล้านบาท ช่วยรัฐประหยัดค่าใช้จ่ายด้านยามากกว่า 10,548  ล้านบาท ยอดสะสม 5 ปี  (2558 – 2562) ช่วยรัฐประหยัดได้ถึง 34,472 ล้านบาทโดยเน้นการสร้างการเข้าถึงยาและวัคซีนที่จำเป็นของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการพึ่งพาตนเอง และความมั่นคงยั่งยืนด้านยา

        สำหรับโครงการสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ในระยะที่ 1 ได้มีการปลูกรอบที่ 2 แล้วจำนวน 140 ต้น เน้นการปลูกสายพันธุ์ THC:CBD  1:1  และ CBD จะสามารถผลิตเป็นสารสกัดกัญชาชนิดหยดใต้ลิ้นได้ในเดือนธันวาคม 2562  ส่วนระยะที่ 2 ระดับกึ่งอุตสาหกรรม จะปลูกด้วยเทคนิครากลอย (Aeroponic) ซึ่งจะสามารถขยายกำลังการผลิตได้ถึง 10 เท่า คาดว่าเริ่มดำเนินการปลูกได้ในเดือนมิถุนายน 2563 นอกจากนี้ จะปลูกกัญชาแบบ greenhouse และ outdoor (open air greenhouse) ที่อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบดอกกัญชาแห้ง และปรับปรุงสายพันธุ์กัญชาสายพันธุ์ต่างๆ คาดว่าจะปลูกได้ในเดือนมิถุนายน 2563

*********************************  25 ตุลาคม 2562

 

 

 



   
   


View 1622    25/10/2562   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ