รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำทีมหมอ-พยาบาลจากสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ให้กับคณะรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล จำนวน 250 โด๊ส และปีนี้จะเปิดบริการฉีดวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยง และผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ที่มีโรคประจำตัว 7 โรค จำนวน 8 แสนโด๊สฟรี เริ่มมิ.ย.นี้
เช้าวันนี้ (22 เมษายน 2551) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นำทีมแพทย์ พยาบาล จากสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค จำนวน 15 คน ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ จำนวน 250 โด๊ส ซึ่งบริจาคโดยบริษัทซาโนฟี่ แอดแวนติส ให้กับคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย เสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งฉีดให้กับเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลด้วย
นายไชยา กล่าวว่า วัคซีนที่นำมาฉีดครั้งนี้ เป็นวัคซีนรวมที่สามารถป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ ตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ทุกประเทศฉีด คือ ชนิด เอ สายพันธุ์ โซโลมอนและบริสเบน และชนิด บี สายพันธุ์ ฟลอริดา หลังฉีดวัคซีนแล้ว 14 วัน ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกัน สามารถป้องกันติดเชื้อได้ 70-90 เปอร์เซ็นต์ และหากติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์อื่นนอกเหนือจากนี้ อาการจะมีความรุนแรงน้อยลง
นายไชยา กล่าวต่อไปว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโครงการทั่วประเทศ โดยมีแผนให้บริการวัคซีนฟรีทั้งหมด 8 แสนโด๊ส เน้น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกได้แก่ กลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ คือ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ต้องดูแลผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนก และเจ้าหน้าที่ที่ทำลายสัตว์ปีกที่ติดเชื้อไข้หวัดนก เพื่อป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่กลายพันธุ์ กลุ่มที่ 2 ได้แก่ ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปที่มีโรคประจำตัว 7 โรค ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งที่ต้องใช้เคมีบำบัด โรคเบาหวาน และโรคไต เนื่องจากผู้สูงอายุกลุ่มนี้ร่างกายอ่อนแอ มีความเสี่ยงสูงสุดเมื่อเทียบกับผู้สูงอายุทั่วไป โดยจะเริ่มฉีดในช่วงเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ จำนวน 128,000 โด๊ส ก่อนถึงฤดูกาลระบาดคือฤดูฝนและฤดูหนาว
ด้านนายแพทย์สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ครั้งนี้ เพื่อลดอัตราป่วยและอัตราตายให้แก่กลุ่มเสี่ยง และเป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการจัดระบบบริการวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ให้สมบูรณ์แบบ เมื่อองค์การเภสัชกรรมสามารถผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้เอง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี โดยวัคซีนที่ฉีดครั้งนี้ จะมีผลในการป้องกันโรคได้ 1 ปี อาการข้างเคียงหลังได้รับวัคซีนที่อาจพบได้บ้างในบางราย เช่น มีอาการปวด บวมแดง บริเวณที่ฉีด บางรายมีไข้ รู้สึกไม่สบายตัวคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่ไม่รุนแรง อาการจะหายได้เองภายใน 1-2 วัน โดยไม่จำเป็นต้องกินยาแก้ปวดลดไข้ก็ได้
******************************** 22 เมษายน 2551
View 7
22/04/2551
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ