กระทรวงสาธารณสุข เผยขณะนี้โรคมะเร็งเป็นสาเหตุทำให้คนไทยเสียชีวิต สูงเป็นอันดับ 1 ปีละกว่า 60,000 ราย พบมะเร็งปอดมากที่สุด เฉพาะที่ลพบุรีพบผู้หญิงป่วยจากมะเร็งมากกว่าผู้ชาย เร่งขยายบริการโดยทุ่มงบเกือบ 60 ล้านบาท ก่อสร้างอาคารปฏิบัติการด้านตรวจวินิจฉัยโรค คาดแล้วเสร็จในปีหน้านี้ บ่ายวันนี้ (28เมษายน 2551) พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ “อาคารปฏิบัติการให้บริการผู้ป่วยโรคมะเร็ง” ณ ศูนย์มะเร็งลพบุรี อ.เมือง จ.ลพบุรี โดยมีนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ และข้าราชการเฝ้ารับเสด็จ นายไชยา ได้กราบทูลถวายรายงานความเป็นมาของการก่อสร้าง ว่า อาคารปฏิบัติการให้บริการผู้ป่วยโรคมะเร็ง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสูง 6 ชั้น ชั้นที่ 1 เป็นกลุ่มงานรังสีวินิจฉัย ชั้นที่ 2 กลุ่มงานพยาธิวิทยาคลินิก ชั้นที่ 3 กลุ่มงานพยาธิวิทยากายวิภาค ชั้นที่ 4 กลุ่มงานการเงินและบัญชี และงานสนับสนุนวิชาการ ชั้นที่ 5 กลุ่มงานสารสนเทศและศูนย์คอมพิวเตอร์ และชั้น 6 เป็นห้องประชุมขนาด 200 ที่นั่ง ใช้งบก่อสร้างจากเงินบริจาคจากมูลนิธิศูนย์มะเร็งลพบุรี ที่จัดสร้างพระพุทธชินราชจำลองและพระเครื่องเหรียญแม่ เพื่อระดมทุนสนับสนุนการก่อสร้างอาคารและจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ได้รับเงินบริจาคทั้งหมด 124 ล้านบาท และใช้ก่อสร้างครั้งนี้ 58.5 ล้านบาท เริ่มดำเนินการไปแล้วประมาณร้อยละ 10 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2552 และจะขอพระราชทานพระราชานุญาต ใช้ชื่อ “อาคารเฉลิมพระเกียรติ” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ในการนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้ประทานของที่ระลึกแก่ผู้มี อุปการคุณบริจาคเงินสร้างอาคาร จำนวน 80 ราย และผู้มีจิตศรัทธาทูลเกล้าฯ ถวายเงินสมทบทุน มูลนิธิอาสา เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย จำนวน 4 ราย นายไชยา กล่าวต่อว่า ศูนย์มะเร็งลพบุรี เป็นสถานพยาบาลเฉพาะทาง ให้การบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งใน 12 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท อ่างทอง นครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร พิจิตร สุพรรณบุรี เพชรบูรณ์และชัยภูมิ เริ่มเปิดให้บริการ ปี พ.ศ. 2538 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ให้พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็นผู้แทนพระองค์ เสด็จฯ มาทรงประกอบพิธีเปิดศูนย์มะเร็งลพบุรีอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2543 ขณะนี้รับผู้ป่วยได้ 176 เตียง มีผู้ป่วยเข้ารับการตรวจรักษาปีละเกือบ 40,000 ราย ในปี 2550 พบเป็นมะเร็ง 2,184 ราย เป็นชาย 823 ราย หญิง 1,251 ราย ส่วนใหญ่เป็นมะเร็งเต้านม พบร้อยละ 34 นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้โรคมะเร็งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ทั่วโลก ในปีพ.ศ. 2550 ทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคนี้เกือบ 8 ล้านคน องค์การอนามัยโลกคาดการณ์โรคมะเร็งจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในพ.ศ. 2558 จะมีคนเสียชีวิตเพิ่มเป็น 9 ล้านคน สำหรับประเทศไทยในปี 2549 มีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 62,000 ราย เป็นสาเหตุการตายที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในประเทศ โดยในผู้ชายพบมะเร็งปอดมากที่สุด 5,535 ราย รองลงมาคือ โรคมะเร็งตับ ส่วนผู้หญิงพบมะเร็งปากมดลูกมากที่สุด 1,484 ราย รองลงมาคือ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง มาจากสารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนในอาหารและเครื่องดื่ม เช่น สารอะฟลาทอกซิน สารก่อมะเร็งจากการปิ้ง ย่าง สารไนโตรซามินที่ใช้ในการถนอมอาหาร ประเภทหมัก ดอง การใช้สีย้อมผ้ามาผสมอาหาร รวมทั้งเกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี ไวรัสฮิวแมนแพ็พพิลโลมา และพยาธิใบไม้ตับ นอกจากนี้ ยังเกิดมาจากการสูบบุหรี่และดื่มสุรา กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ทุกจังหวัดเร่งรณรงค์ป้องกัน โดยให้ความรู้ประชาชนเพื่อลดปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะการลด การดื่มสุรา สูบบุหรี่ เพิ่มการกินผักผลไม้ให้ได้ถึง 500 กรัมต่อวัน และลดอาหารไขมันสัตว์ จะลดความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งได้ร้อยละ 20-30 ด้านนายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็งของกระทรวงสาธารณสุข ได้วิเคราะห์สัญญาณเตือนอันตรายของโรคมะเร็งทุกอวัยวะ เพื่อเผยแพร่ความรู้ประชาชนในการเฝ้าระวังความผิดปกติ 8 ประการ ได้แก่ 1.มีเลือดออก หรือมีสิ่งขับออกจากร่างกายผิดปกติ เช่น มีตกขาวมากเกินไป 2.มีก้อนหรือตุ่มเกิดขึ้นที่ใดที่หนึ่งของร่างกายและก้อนนั้นโตเร็ว 3.มีแผลเรื้อรัง 4.ถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะผิดปกติ หรือเปลี่ยนไปจากนิสัยเดิม 5.เสียงแหบหรือไอเรื้อรัง 6.กลืนอาหารลำบากหรือรับประทานอาหารแล้วไม่ย่อย 7.หูดหรือไฝที่ขึ้นตามร่างกายอยู่แล้วมีขนาดใหญ่มากขึ้น และ 8.มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็ง หากมีอาการเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่ง ควรพบแพทย์ตรวจแต่เนิ่นๆ โดยสามารถไปรับบริการได้ที่โรงพยาบาลศูนย์ หรือศูนย์รักษาโรคมะเร็งโดยเฉพาะ คือ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ศูนย์มะเร็งภูมิภาค 7 แห่ง ได้แก่ ลพบุรี ชลบุรี ลำปาง อุบลราชธานี อุดรธานี สุราษฎร์ธานี และศูนย์มหาวชิราลงกรณ จ.ปทุมธานี **************************** 28 เมษายน 2551


   
   


View 8    28/04/2551   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ