รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยพร้อมเดินหน้าใส่ฟันเทียมผู้สูงอายุทุกสิทธิ ตั้งเป้าปีนี้ 30,000 คน ใช้งบ 180 ล้านบาท ผลสำรวจสุขภาพช่องปากล่าสุดปี 2550 พบผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ดูแลฟันดีขึ้น มีฟัน 20 ซี่ขึ้นไปร้อยละ 55 ผ่านเกณฑ์องค์การอนามัยโลก ส่วนในกลุ่มอายุ 80 ปีขึ้นไป กว่าร้อยละ 70 เหลือฟันเคี้ยวอาหารไม่ถึง 20 ซี่ วันนี้ (1 พฤษภาคม 2551) ที่โรงแรมลำปางเวียงทอง จ.ลำปาง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีมอบฟันเทียมพระราชทานแก่ผู้สูงอายุจังหวัดลำปาง 42 คน และเปิดประชุมภาคีเครือข่ายเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพช่องปากโดยชมรมผู้สูงอายุใน 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 240 คน ในวันนี้ นายแพทย์มรกต กรเกษม ประธานมูลนิธิ โอสถสภา จำกัด ได้มอบเงินสมทบโครงการทำฟันเทียมแก่ผู้สูงอายุเพิ่มอีก 1,000 ราย เป็นเงิน 4.1 ล้านบาท นายชวรัตน์กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ สำนักงานสถิติแห่งชาติได้สำรวจประชากรประเทศไทยในปี 2550 พบมีผู้สูงอายุ 7 ล้านคน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเป็น 14 ล้านคน ในปี 2568 ปัญหาหลักที่พบในผู้สูงอายุ ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง สายตาเสื่อมและหูตึง ส่วนสุขภาพช่องปากและฟัน ผลสำรวจของกรมอนามัยในปี 2550 พบว่าผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีสุขภาพปากดีขึ้น มีฟัน 20 ซี่ขึ้นไปร้อยละ 55 ผ่านเป้าหมายที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ ซึ่งช่วง 7 ปีที่ผ่านมา มีฟัน 20 ซี่ขึ้นไปเพียงร้อยละ 49 เท่านั้น ส่วนในกลุ่มอายุ 80 ปีขึ้นไป ประมาณร้อยละ 75 เหลือฟันไม่ถึง 20 ซี่ อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสภาพฟันของผู้สูงอายุที่เหลืออยู่ พบส่วนใหญ่ยังคงมีฟันผุ เหงือกอักเสบ โดยมีผู้สูงอายุสูญเสียฟันทั้งปาก ต้องใส่ฟันเทียมทดแทนเพื่อการเคี้ยวอาหารประมาณ 300,000 คน กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้แก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยจัดทำโครงการฟันเทียมพระราชทานให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่สูญเสียฟันทั้งปากทั่วประเทศฟรี ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2550 ดำเนินการระหว่าง พ.ศ. 2548-2550 ได้ใส่ฟันเทียมให้ผู้สูงอายุแล้ว 94,000 คน จากการประเมินผลพบว่า โดนใจผู้สูงอายุมาก เกือบร้อยละ 100 กินอาหารได้มากขึ้น พูดชัดขึ้น พอใจในความสวยงามของใบหน้า ทำให้ชีวิตมีความสุข เข้าสังคมได้อย่างมั่นใจ ในปี 2551 จะดำเนินการต่ออีก 30,000 คน ใช้งบประมาณ 180 ล้านบาท โดยจะระดมแหล่งเงินงบประมาณจากหลายๆ ฝ่าย ผู้สูงอายุทุกสิทธิสวัสดิการสามารถเข้ารับบริการโครงการนี้ได้ฟรี ไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด ซึ่งในรอบ 6 เดือนมานี้ ใส่ฟันเทียมให้ผู้สูงอายุไปแล้วกว่า 12,000 คน ด้านนายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในการลดการสูญเสียฟันของผู้สูงอายุ ได้สนับสนุนชมรมผู้สูงอายุพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพช่องปากของสมาชิกชมรม นำร่องในปี 2549-2550 ใน 11 จังหวัดภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง บุรีรัมย์ ชัยภูมิ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ขอนแก่น อำนาจเจริญ ราชบุรี สุพรรณบุรี และเพชรบุรี มีชมรมต้นแบบ 25 ชมรม ในปีนี้จะขยายเพิ่มเป็น 31 จังหวัด 89 ชมรม และขยายลงภาคใต้ที่จังหวัดสงขลา และสตูล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีความต้องการงบดำเนินการอีกมาก เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการใส่ฟันเทียมของภาครัฐ ตกคนละ 4,100 บาทหรือคลินิกในโครงการคนละ 6,000 บาท จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบริจาคเงินสมทบ “กองทุนโครงการฟันเทียมพระราชทาน” ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยกระทรวงสาธารณสุข-ติวานนท์ เลขบัญชี 142-0-00863-3 หรือสอบถามได้ที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โทร. 0-2590-4117-8 ส่วนผู้สูงอายุที่มีความประสงค์จะเข้ารับบริการใส่ฟันเทียมพระราชทาน ขอให้ติดต่อที่สถานบริการสาธารณสุข สังกัดกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้าน


   
   


View 6    01/05/2551   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ