กระทรวงสาธารณสุข เผยผลสำรวจพฤติกรรมสุขภาพประชาชนพบ “การ์ดเริ่มตก” หลังผ่อนปรนมาตรการ สวมหน้ากากอนามัยไม่ถึง 100% มีการรวมกลุ่มทางสังคมและการเดินทางออกนอกจังหวัดมากขึ้น แนะกลุ่มเสี่ยงต้องฉีดวัคซีนช่วยป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่บุคคลรอบข้างได้

          วันนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2564) ที่ศูนย์แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พร้อมด้วย นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แถลงข่าวประเด็นผลสำรวจความต้องการวัคซีน และพฤติกรรมเสี่ยงที่ทําให้ติดเชื้อโควิด 19 ว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมกับองค์การอนามัยโลกสํานักงานภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจพฤติกรรมการป้องกันตนเอง มีประชาชนร่วมตอบแบบสอบถาม 56,201 ตัวอย่าง และตอบแบบสอบถามออนไลน์ 7,243 ตัวอย่าง พบประชาชนมีพฤติกรรมการป้องกันตนเองในระดับที่ดีมาก ในช่วงการระบาดของโรคโควิด 19 ระลอกใหม่ ในเดือนธันวาคม 2564 ส่วนการสำรวจครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 25-31 มกราคม 2564 หลังเริ่มมีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ พบ “การ์ดเริ่มตก” ในทุกกิจกรรม แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีโดยสวมหน้ากากอนามัยร้อยละ 93.7 การล้างมือบ่อยๆ ร้อยละ 88.4 การกินอาหารร้อนใช้ช้อนกลางส่วนตัว ร้อยละ 87.9 การเว้นระยะห่างระหว่างผู้อื่นไม่น้อยกว่า 2 เมตร ร้อยละ 77  มีการรวมกลุ่มทางสังคมและการเดินทางออกนอกจังหวัดเพิ่มขึ้น

          สำหรับการสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการฉีดวัคซีน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามออนไลน์ส่วนใหญ่คิดว่าการฉีดวัคซีนจะช่วยป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่บุคคลรอบข้างได้ ส่วนผลสำรวจจาก อสม. พบว่า เหตุผลที่อยากฉีดคือเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ มีความเสี่ยงด้านอาชีพ และเห็นด้วยว่าบุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มแรกที่สมควรได้รับวัคซีน ทั้งนี้ ยังมีประชาชนจำนวนหนึ่งระบุไม่ต้องการฉีดวัคซีน เนื่องจากยังไม่มั่นใจในความปลอดภัยของวัคซีน ผลข้างเคียงจากการรับวัคซีน ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเสียชีวิตหรือป่วยอย่างรุนแรง สามารถป้องกันตัวเองดีแล้ว และไม่เชื่อว่าวัคซีนสามารถป้องกันโรคโควิด 19 ได้  ดังนั้น จึงต้องเร่งสร้างความเข้าใจให้ประชาชนมากขึ้น ส่วนการรับรู้เกี่ยวแอปพลิเคชัน “ไทยชนะ”และ“หมอชนะ” ส่วนใหญ่รู้จักแต่ใช้งานอยู่ที่ร้อยละ 50 ปัจจัยที่เลือกใช้คือ มีการแจ้งเตือนระดับความเสี่ยง มีความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และใช้งานสะดวก

          “แม้จะมีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ สิ่งที่แนะนำให้ทำคู่กันคือการเข้มงวดมาตรการป้องกันส่วนบุคคล สวมหน้ากากอนามัยให้ได้ 100% ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง ใช้แอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” “ไทยชนะ” ใช้หน้ากากอนามัยให้ถูกวิธี ใช้ให้ถูกด้าน ให้พอดีกับหน้า สำหรับวัคซีนโควิด 19 ยืนยันว่าก่อนที่จะมีการอนุมัติวัคซีนเข้ามาใช้ในไทย สิ่งแรกที่คำนึงถึงคือความปลอดภัยประสิทธิภาพและประสิทธิผลของวัคซีนที่จะต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานของ อย. ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่ามีความปลอดภัย ช่วยป้องกันอาการรุนแรงจากโรคโควิด 19 ช่วยลดการแพร่เชื้อไปสู่บุคคลรอบข้างได้” นพ.ธเรศกล่าว

 ***************************  5 กุมภาพันธ์ 2564

 

*****************************************************

 



   
   


View 1814    05/02/2564   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ