กระทรวงสาธารณสุข เผยควบคุมการระบาดโควิด 19 ได้ดี พบการติดเชื้อในสมุทรสาคร กทม. และชายแดน จ.ตาก ระบุองค์การอนามัยโลกยังไม่แนะนำให้ใช้มาตรการ "พาสปอร์ตวัคซีนโควิด 19" เป็นเงื่อนไขสำหรับคนเดินทางเข้าประเทศแทนการกักตัว 14 วัน เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลประสิทธิภาพที่เพียงพอ ยังต้องติดตามผลการศึกษา

       วันนี้ (7 กุมภาพันธ์ 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี  นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทย ว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 237 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาล 113 ราย คัดกรองเชิงรุกในชุมชน 112 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 12 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รักษาหายเพิ่ม 668 ราย การติดเชื้อระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2563 - 7 กุมภาพันธ์ 2564 มีผู้ติดเชื้อสะสม 19,134 ราย รักษาหายสะสม 13,002 ราย เสียชีวิตสะสม 19 ราย โดยวันนี้มีการติดเชื้อใน 4 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร 202 ราย กรุงเทพมหานคร 17 ราย  ตาก 5 ราย และสมุทรสงคราม 1 ราย

      ทั้งนี้ สถานการณ์โรคโควิด 19 ระลอกใหม่ ภาพรวมจังหวัดต่างๆ สามารถควบคุมการระบาดได้ดี ยังมีรายงานการติดเชื้อที่สมุทรสาคร ตาก และ กทม. โดย จ.สมุทรสาครยังพบผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง แต่มีแนวโน้มลดลงหลังดำเนินการควบคุมตามแผน ขณะนี้ได้ใช้มาตรการ Bubble and Sealed ให้แรงงานทำงานอยู่ในโรงงานและภายในที่พัก ไม่ให้ปะปนแพร่กระจายเชื้อไปชุมชน หากเจ็บป่วยนำออกไปรักษา และยังคัดกรองในโรงงานขนาดเล็กหรือในชุมชนบางแห่งเพื่อค้นหาผู้ป่วย ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมและดำเนินการตามแผนอย่างต่อเนื่อง

      ส่วน จ.ตาก ยังพบการติดเชื้อในชุมชน แสดงว่ายังมีการพบปะระหว่างคนไทยและเมียนมาทั้ง 2 ฝั่ง กรณีผู้ป่วยโรคโควิด 19 ชาวเมียนมาอายุ 75 ปี ที่พักอาศัยใน อ.แม่สอด พบติดเชื้อใน 4 ครอบครัวรวม 11 ราย ทำให้มีการกระจายไปชุมชน จำเป็นต้องยกระดับการควบคุมพื้นที่ให้เข้มข้นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเดินทางข้ามไป-มาของชาวเมียนมาและพบปะกันอยู่ ทำให้การควบคุมยากขึ้นและพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มๆ เป็นระยะ ขณะที่ กทม.ยังพบแรงงานต่างด้าวทำงานบ้านติดเชื้อแบบไม่มีอาการ และแพร่เชื้อไปยังนายจ้าง ต้องกำชับหลีกเลี่ยงการพบปะกับเพื่อนโดยไม่สวมหน้ากาก ลดการเดินทางและงดการรับประทานอาหารร่วมกันเป็นวงใหญ่  เพราะอาจแพร่เชื้อให้คนที่บ้านและที่ทำงาน

      สำหรับชายแดนไทย-มาเลเซีย กรณีการประสานรับผู้พ้นโทษจากประเทศมาเลเซียผ่านจุดผ่านแดนถาวรกลับมาประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ 2564 มีการผ่านด่านเบตง จ.ยะลา และด่านวังประจัน จ.สตูล จำนวน 66 ราย ตรวจพบการติดเชื้อ 19 ราย คิดเป็นร้อยละ 28.78 เนื่องจากอยู่รวมกันในที่กักกัน ก่อนเข้ามาในด่านอย่างถูกกฎหมายทำให้มั่นใจว่าจะช่วยป้องกันการแพร่เชื้อเข้าสู่ประเทศ เช่นเดียวกับการขนส่งสินค้าข้ามแดน ที่ใช้โมเดลเดียวกับ อ.แม่สอด คือ ไม่ให้รถสินค้าเข้ามาในเมือง ขนส่งสินค้าในเซฟตี้โซนบริเวณชายแดน ไม่ให้คนขับลงจากรถมาปะปน และสุ่มตรวจหาเชื้อเชิงรุกเป็นระยะ ทำให้พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 ชาวมาเลเซียอายุ 40 ปี พนักงานขับรถขนส่งสินค้า โดยประสานส่งกลับไปกักกันที่มาเลเซีย ซึ่งต้องทำตามมาตรการอย่างเคร่งครัด

          นายแพทย์โอภาสกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีพาสปอร์ตวัคซีนซึ่งตามกฎอนามัยระหว่างประเทศใช้เป็นหลักฐานให้เกิดความมั่นใจว่าผู้เดินทางจะไม่นำเอาเชื้อโรคเข้าสู่ประเทศ เช่น โรคไข้เหลือง ที่พบมากในอเมริกาใต้และแอฟริกา ถ้าจะเข้าประเทศไทยต้องฉีดวัคซีนและมีหนังสือรับรอง คือ สมุดปกเหลือง ตามกติกาสากลขององค์การอนามัยโลก ส่วนโรคโควิด 19 การป้องกันเชื้อจากต่างประเทศคือการกักตัว 14 วัน การจะใช้มาตรการพาสปอร์ตวัคซีนแทนการกักตัวต้องมั่นใจว่า วัคซีนป้องกันการติดเชื้อ 100% มีข้อมูลว่าฉีดแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน แต่ปัจจุบันวัคซีนโควิด 19 ยังวิจัยไม่เสร็จ เป็นการใช้ในภาวะฉุกเฉิน

       “องค์การอนามัยโลกแนะนำว่ายังไม่ควรกำหนดให้ใช้เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิด 19 หรือพาสปอร์ตวัคซีนมาเป็นเงื่อนไขในการอนุญาตเข้าประเทศ เนื่องจากยังขาดข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีน
โควิด 19 ว่าฉีดแล้วจะไม่แพร่โรค ฉีดแล้วจะอยู่นานแค่ไหน หรือต้องฉีดซ้ำอีกกี่เข็ม เป็นต้น แต่ในอนาคตถ้ามีประสิทธิภาพเพียงพอ อาจมีความเป็นไปได้ที่จะนำพาสปอร์ตวัคซีนมาเป็นข้อกำหนด แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป”นายแพทย์โอภาสกล่าว

************************** 7 กุมภาพันธ์ 2564

**********************************

 

 

 



   
   


View 2626    07/02/2564   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ