โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เตือนวัยรุ่นไทยที่ลดความอ้วนด้วยวิธีพิสดาร ทั้งอมแล้วคาย ล้วงคอ กินยาถ่าย ยาลดความอ้วน นอกจากไม่ได้ผลในระยะยาวแล้ว ยังทำให้สมองทึบ เสี่ยงอันตรายถึงขั้นช็อคตาย แถมมีโอกาสกลับมาอ้วนมากกว่าเดิมหรือเกิดโยโย่ เอฟเฟคสูง แนะลดแบบวิธีธรรมชาติและอยู่ในวิถีชีวิตปกติ จะได้ผลระยะยาว ตามที่มีสื่อมวลชนเสนอข่าวผลงานวิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ระบุพฤติกรรมเสี่ยงของวัยรุ่นหญิงไทยที่ไม่พอใจรูปร่างของตนเอง นิยมลดน้ำหนักด้วยการกินยาถ่าย ควบคู่กับพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ เช่น อดอาหาร อมๆ คายๆ อาหาร หรือล้วงคอให้อาเจียนนั้น นายสง่า ดามาพงษ์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุขและผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ กล่าวว่า การลดน้ำหนักด้วยการอาหารให้อิ่มแล้วล้วงคอให้อาเจียน การกินยาถ่าย กินอาหารเสริมหรือยาลดน้ำหนักนั้น เป็นเรื่องอันตรายที่สุด โดยเฉพาะวัยรุ่นที่อยู่ระหว่างการเรียนหนังสือ หากลดน้ำหนักไม่ถูกวิธี จะมีผลกระทบต่อร่างกายและสมองได้มาก เพราะเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต ต้องการสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลล์ร่างกายและสมองอย่างเพียงพอ หากอดอาหารติดต่อกันนานๆ จะทำให้การเจริญเติบโตของร่างกายและสติปัญญาด้อยลง ส่งผลต่อการเรียนได้ นายสง่า กล่าวต่อว่า สำหรับการกินยาและอาหารเสริมเพื่อลดความอ้วนนั้น ควรปรึกษาแพทย์ เพราะการซื้อยาและอาหารเสริมมากินเอง มีความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงสูงมากและมีอันตรายถึงชีวิต โดยยาและอาหารเสริมลดน้ำหนัก มักจะทำให้น้ำหนักลดอย่างน่าพึงพอใจเฉพาะช่วงที่กินเท่านั้น แต่เมื่อใดที่เลิกกิน โอกาสที่จะกลับมาอ้วนใหม่มีสูงมาก ซึ่งอ้วนครั้งหลังนี้จะอ้วนมากกว่าและลดยากกว่าเดิม เรียกว่า โยโย่ เอฟเฟค (Yo Yo effect) พบมากในวัยรุ่นไทย สาเหตุที่เกิดเพราะระหว่างกินยาและอาหารเสริมจะไปลดขนาดของเซลล์ไขมัน แต่จำนวนเซลล์ไขมันไม่ได้ลดไปด้วย เมื่อหยุดกินจึงกลับมาเพิ่มขนาดและจำนวนเซลล์ไขมันมากขึ้น ส่วนการลดน้ำหนักด้วยการกินยาถ่าย แม้ว่าน้ำหนักจะลด แต่ร่างกายจะสูญเสียน้ำจำนวนมาก และมีอันตรายถึงขั้นช็อคตายได้ นายสง่า กล่าวอีกว่า วัยรุ่นไทยควรสนใจสุขภาพตนเองพร้อมๆ กับความสวยความหล่อ โดยเริ่มจากการสำรวจดูว่าตนเองอ้วนจริงหรือไม่ อย่าเอารูปร่างตนเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นโดยเฉพาะดารา แล้วมาตั้งหน้าตั้งตาลดน้ำหนักทั้งๆ ที่ไม่อ้วน การวัดว่าอ้วนหรือไม่ ให้ใช้วิธีหาค่าดัชนีมวลกาย โดยเอาน้ำหนักที่เป็นกิโลกรัมตั้ง หารด้วยส่วนสูงที่เป็นเมตรยกกำลังสอง ถ้าค่าที่ได้อยู่ระหว่าง 18.5-24.9 ถือว่าปกติ ไม่ต้องไปลดน้ำหนัก แต่ถ้าเกิน 25 ควรหาทางลดน้ำหนักโดยวิธีธรรมชาติและให้อยู่ในวิถีชีวิต แต่ต้องค่อยๆ ลด ไม่เกินสัปดาห์ละครึ่งกิโลกรัม หลักการลดน้ำหนักให้สำเร็จมี 6 ข้อ คือ 1.กินอาหารให้ครบ 3 มื้อและครบ 5 หมู่ การอดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งจะทำให้การลดน้ำหนักไม่ได้ผล 2.ลดการกินอาหารที่ให้พลังงานให้น้อยลง เช่น ลดการกินแป้งหรือข้าว ไขมันและน้ำตาล 3.เพิ่มการกินอาหารพวกผักและผลไม้รสไม่หวานให้มากขึ้น เพราะมีพลังงานต่ำและให้ใยอาหารสูง 4.เลิกกินจุบจิบ 5.ต้องออกกำลังกายควบคู่กับการควบคุมอาหาร เพราะการออกกำลังกายเป็นการเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกาย และข้อสุดท้ายซึ่งสำคัญมากคือ ต้องมีความตั้งใจจริงที่จะทำตามข้อ 1-5 ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องอ้วนต่อไป “การลดน้ำหนักตามหลัก 6 ข้อ เป็นการลดแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจเห็นผลช้า แต่จะได้ผลดีในระยะยาว และเป็นการปลูกฝังพฤติกรรมการกินอาหารที่นำไปสู่การมีสุขภาพดีที่ถาวร ยั่งยืน ไม่มีผลเสียต่อสุขภาพ ไม่เปลืองเงิน และที่สำคัญไม่ถูกหลอกด้วย” นายสง่ากล่าว *****************13 ตุลาคม 2549


   
   


View 12    13/10/2549   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ