นายกฯ ห่วงใย "น้ำท่วม" 5 จังหวัดภาคใต้ กำชับ สธ.ดูแลผู้ประสบภัยทั้งสุขภาพกาย-จิต เน้นกลุ่มเปราะบางใกล้ชิด
- สำนักสารนิเทศ
- 43 View
- อ่านต่อ
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยกระทรวงสาธารณสุขเดินหน้าฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 แอสตร้าเซนเนก้า หลังองค์การอนามัยโลก ยืนยันข้อมูลไม่เกี่ยวข้องกับภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด พร้อมฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงอายุ 60 ปีขึ้นไปในจังหวัดเป้าหมายตามแผน โดยพรุ่งนี้นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และอาจารย์แพทย์อาวุโส จะฉีดที่ทำเนียบรัฐบาล สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
วันนี้ (15 มีนาคม 2564 ) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมควบคุมโรค ได้รวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุดจากต่างประเทศ และองค์การอนามัยโลก ซึ่งยืนยันว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไม่เกี่ยวกับการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ สามารถฉีดได้ เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับคนไทย และคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญได้ให้ความเห็นว่าสามารถเดินหน้าฉีดต่อไปได้ โดยบ่ายวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการวิชาการ เพื่อให้เกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น หากไม่มีข้อมูลขัดแย้งเพิ่มเติม พรุ่งนี้เริ่มทำการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงอายุ 60 ปีขึ้นไปในจังหวัดเป้าหมายตามแผน
นายอนุทินกล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรี ได้แสดงเจตจำนงว่ามีความพร้อมในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ตลอดเวลา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน โดยการฉีดวัคซีนให้กับผู้นำประเทศต้องได้รับคำยินยอมจากคณะกรรมการวิชาการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ ได้เตรียมวัคซีนทั้งจากแอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแวค เพื่อฉีดให้กับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่สมัครใจ ตาม 8 ขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุข ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล มีการจัดห้องสังเกตอาการ และกรมการแพทย์ได้จัดรถพยาบาลพร้อมส่งต่อไปยังโรงพยาบาลราชวิถีกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยอาจารย์ยง ภู่วรวรรณ จะเป็นผู้ฉีดให้กับนายกรัฐมนตรี และจะรับการฉีดพร้อมกับอาจารย์แพทย์อาวุโส เช่น ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร ศาสตราจารย์เกียรติคุณแพทย์หญิงสมศรี เผ่าสวัสดิ์ จะร่วมกันฉีดครั้งนี้ด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ส่วนสถานบริการอื่นๆ จะเริ่มฉีดวัคซีนจาก แอสตร้าเซนเนก้าที่ได้รับการกระจายไปพร้อมกัน ขอให้มั่นใจว่าวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. มีความปลอดภัย และกระทรวงสาธารณสุขได้จัดระบบดูแลภายหลังการฉีดวัคซีนไว้พร้อมแล้ว
นายอนุทินกล่าวต่อว่า ขณะนี้มีวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 จากแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 117,300 โดส ซึ่งจะเน้นฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงเป้าหมายที่อายุเกิน 60 ปี และจะได้รับจำนวนมากในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ขอยืนยันว่า วัคซีนโควิด 19 มีเพียงพอ ซึ่งวันที่ 20 มีนาคมนี้จะได้รับวัคซีนจากซิโนแวคอีก 800,000โดส รวมทั้งได้เจรจาจัดหาวัคซีนจากชิโนแวคเพิ่มอีกจำนวน 5 ล้านโดส และได้มีการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนรายอื่นๆ ที่สามารถนำส่งวัคซีนมายังประเทศไทยก่อนที่วัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไทยจะผลิตออกมา เป็นการเสริมความเข้มแข็งของระบบการฉีดวัคซีนของประเทศ ซึ่งต้องรอบคอบและคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน
สำหรับภาคเอกชนคาดว่าอีกไม่กี่เดือน จะสามารถติดต่อเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนที่ได้รับการผ่อนคลายจากสถานการณ์ฉุกเฉินมากขึ้นและใช้ในสถานการณ์ปกติได้ ซึ่งทางอย. พร้อมให้ความร่วมมือ อำนวยความสะดวกในการนำเข้า รวมถึงกรมควบคุมโรคและกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จะสนับสนุนเรื่องการอบรมและขึ้นทะเบียนโรงพยาบาลเอกชนที่มีความประสงค์ที่จะให้บริการประชาชน
**************************************** 15 มีนาคม 2564