รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ติดตามนโยบายคลินิกผู้สูงอายุ  โรงพยาบาลกันทรลักษ์​ จ.ศรีสะเกษ​ ให้ลูก-หลาน ได้พาผู้สูงอายุพบแพทย์ในช่วงวันหยุด ร่วมรับทราบปัญหาสุขภาพ ลดการรอคอยรักษา ลดความแออัดในช่วงวันทำการ ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น

      นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกร​ัฐมนตรีและ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​สาธารณสุข​   พร้อมด้วยคณะ​ผู้บริหาร​กระทรวง​สาธารณสุข​ ติดตาม​ความคืบหน้านโยบาย​คลินิกผู้สูงอายุ วันหยุดราชการ ที่ โรงพยาบาลกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ​  โดยนายอนุทินกล่าวว่า กระท​รวงสาธารณส​ุข มีนโยบายให้โรงพยาบาลทั่วไปตั้งแต่ขนาดเล็กขึ้นไป จัดบริการคลินิกผู้สูงอายุในช่วงวันหยุดราชการ เพื่อให้บุตรหลานได้มีโอกาสพาผู้สูงอายุได้มาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อร่วมรับทราบปัญหาสุขภาพ ที่สำคัญคือไม่ต้องต่อคิวเพื่อรอรักษาที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ผู้สูงอายุคือหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงที่เมื่อติดเชื้ออาจทำให้มีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ ดังนั้นการมาพบแพทย์ในช่วงวันหยุดนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อจากความแออัดที่โรงพยาบาลแล้วยังมีความสะดวก และเพิ่มความสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดขึ้นในครอบครัวได้ด้วย

     นายอนุทิน กล่าวต่อว่า คลินิกผู้สูงอายุโรงพยาบาลกันทรลักษ์ เปิดให้บริการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ทั้งในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง  ทันตกรรม เวชศาสตร์ครอบครัว เป็นต้น ใช้เวลาในการรับบริการโดยประมาณ 15-20 นาทีเปิดให้บริการในช่วงเวลา 8.00 -​ 12.00 น. ทุกวันเสาร์ เริ่มเปิดรับผู้ป่วยมาตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2564 หากคลินิกได้รับการตอบรับที่ดีจะมีการขยายบริการเพิ่มเติมไปยังกลุ่มโรคอื่นๆด้วย 

     "ผู้สูงอายุคือผู้ที่มากประสบการณ์  หลายท่านยังสามารถใช้ความรู้ความสามารถให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม และผู้อื่นได้ การที่ผู้สูงอายุแข็งแรง มีสุขภาพที่ดี เข้าถึงการดูแลสุขภาพจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้ท่านเหล่านี้มีอายุที่ยืนยาวและถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆที่เคยใช้มาให้กับลูก-หลานในการดำเนินชีวิตได้อีกมาก" นายอนุทินกล่าว

     ภายหลังการเปิดและตรวจเยี่ยมคลินิกผู้สูงอายุแล้ว นายอนุทินได้กล่าวทักทายกับพยาบาล และย้ำในประเด็นการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ว่า

     " วัคซีนทุกหยดมีคุณค่า ขอให้พยาบาลได้ใช้ความชำนาญ และความละเอียดในการดูดวัคซีนโควิด 19 ออกจากขวด ให้ได้ 12 เข็ม  ซึ่งผู้ผลิตวัคซีนได้เพิ่มปริมาณเผื่อไว้ในขวดประมาณ 10% ตามมาตรฐานการบรรจุ World experience ซึ่งปกติสามารถฉีดได้ 10 เข็ม ต่อขวด จะช่วยให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงของประเทศได้รับการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมจำนวนประชากรมากขึ้น การป้องกันโรคมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยที่รัฐไม่ต้องจ่ายเงินในการซื้อวัคซีนเพิ่ม" นายอนุทินกล่าว

 *********************** 21 มีนาคม 2564

 

 ***********************



   
   


View 1971    21/03/2564   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ