“สธ. – ก.ท่องเที่ยวฯ” เปิดงาน "ท่องเที่ยวสุขภาพดี รวมพล 100 ร้าน มาตรฐานสาธารณสุข ล้านนา R1” ยกระดับเศรษฐกิจสุขภาพเมืองเหนือสู่การท่องเที่ยวสุขภาพระดับโลก
- สำนักสารนิเทศ
- 13 View
- อ่านต่อ
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ติดตามนโยบายคลินิกผู้สูงอายุ โรงพยาบาลกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ให้ลูก-หลาน ได้พาผู้สูงอายุพบแพทย์ในช่วงวันหยุด ร่วมรับทราบปัญหาสุขภาพ ลดการรอคอยรักษา ลดความแออัดในช่วงวันทำการ ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ติดตามความคืบหน้านโยบายคลินิกผู้สูงอายุ วันหยุดราชการ ที่ โรงพยาบาลกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยนายอนุทินกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายให้โรงพยาบาลทั่วไปตั้งแต่ขนาดเล็กขึ้นไป จัดบริการคลินิกผู้สูงอายุในช่วงวันหยุดราชการ เพื่อให้บุตรหลานได้มีโอกาสพาผู้สูงอายุได้มาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อร่วมรับทราบปัญหาสุขภาพ ที่สำคัญคือไม่ต้องต่อคิวเพื่อรอรักษาที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ผู้สูงอายุคือหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงที่เมื่อติดเชื้ออาจทำให้มีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ ดังนั้นการมาพบแพทย์ในช่วงวันหยุดนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อจากความแออัดที่โรงพยาบาลแล้วยังมีความสะดวก และเพิ่มความสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดขึ้นในครอบครัวได้ด้วย
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า คลินิกผู้สูงอายุโรงพยาบาลกันทรลักษ์ เปิดให้บริการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ทั้งในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ทันตกรรม เวชศาสตร์ครอบครัว เป็นต้น ใช้เวลาในการรับบริการโดยประมาณ 15-20 นาทีเปิดให้บริการในช่วงเวลา 8.00 - 12.00 น. ทุกวันเสาร์ เริ่มเปิดรับผู้ป่วยมาตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2564 หากคลินิกได้รับการตอบรับที่ดีจะมีการขยายบริการเพิ่มเติมไปยังกลุ่มโรคอื่นๆด้วย
"ผู้สูงอายุคือผู้ที่มากประสบการณ์ หลายท่านยังสามารถใช้ความรู้ความสามารถให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม และผู้อื่นได้ การที่ผู้สูงอายุแข็งแรง มีสุขภาพที่ดี เข้าถึงการดูแลสุขภาพจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้ท่านเหล่านี้มีอายุที่ยืนยาวและถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆที่เคยใช้มาให้กับลูก-หลานในการดำเนินชีวิตได้อีกมาก" นายอนุทินกล่าว
ภายหลังการเปิดและตรวจเยี่ยมคลินิกผู้สูงอายุแล้ว นายอนุทินได้กล่าวทักทายกับพยาบาล และย้ำในประเด็นการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ว่า
" วัคซีนทุกหยดมีคุณค่า ขอให้พยาบาลได้ใช้ความชำนาญ และความละเอียดในการดูดวัคซีนโควิด 19 ออกจากขวด ให้ได้ 12 เข็ม ซึ่งผู้ผลิตวัคซีนได้เพิ่มปริมาณเผื่อไว้ในขวดประมาณ 10% ตามมาตรฐานการบรรจุ World experience ซึ่งปกติสามารถฉีดได้ 10 เข็ม ต่อขวด จะช่วยให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงของประเทศได้รับการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมจำนวนประชากรมากขึ้น การป้องกันโรคมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยที่รัฐไม่ต้องจ่ายเงินในการซื้อวัคซีนเพิ่ม" นายอนุทินกล่าว
*********************** 21 มีนาคม 2564
***********************