กระทรวงสาธารณสุข พบในช่วงวิกฤติโควิด 19 ผู้สูงอายุ ครอบครัว และ อสม. คือกลุ่มที่มีพลังใจดี เป็นพลังใจสำคัญสำหรับคนไทย พร้อมชวนประชาชนฉีดวัคซีนใจ 4 เข็ม ความรู้สึกปลอดภัย ไม่ตระหนก ความหวัง และความเข้าใจ สร้างภูมิคุ้มกันทางใจรับมือสถานการณ์โควิด 19 

          วันนี้ (18 เมษายน 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต แถลงข่าวในประเด็นวัคซีนใจ ว่า กรมสุขภาพจิตได้จัดทำ Mental Health Check-in เครื่องมือตรวจวัดอุณหภูมิใจ เพื่อวัดระดับความเครียดของประชาชนในสถานการณ์วิกฤติโควิด 19 โดยพบว่า เมื่อมีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างประชาชนมีความเครียดสูงขึ้น และมีภาวะเหนื่อยหน่าย ท้อแท้ตามมา โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 8 – 12 เมษายน 2564 ที่พบผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากในระลอกใหม่ ส่วนช่วงที่สถานการณ์มีแนวโน้มที่ดี อุณหภูมิใจของประชาชนจะดีขึ้นตามมา นอกจากนี้ยังพบว่า คนไทยมีความสามารถในการฟื้นจิตใจตนเองเป็นอย่างดี ซึ่งกลุ่มที่มีพลังใจที่ดีที่สุดขณะนี้ คือ ผู้สูงอายุ และครอบครัว โดยมีพลังใจระดับมากอยู่ที่ร้อยละ 72.50 และระดับปานกลางร้อยละ 26.29 รองลงมาคือ กลุ่ม อสม. ที่ทำงานหนักมีจิตอาสา และเป็นพลังใจสำคัญสำหรับคนไทย และขอเชิญทุกคนร่วมกันฉีดวัคซีนใจที่มี 4 เข็ม ได้แก่ 1.ความรู้สึกปลอดภัย คือพฤติกรรมปลอดภัย สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง ไม่เข้าไปในสถานที่แออัด 2. ไม่ตระหนก ให้รับฟังข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงจากกระทรวงสาธารณสุข หรือหน่วยงานภาครัฐที่น่าเชื่อถือได้ ลดการรับฟังข้อมูลที่ไม่มีแหล่งที่มา และเลือกรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ 3.ความหวัง 4.ความรู้สึกเข้าใจ ส่งกำลังใจที่ดีให้กันและกัน พร้อมออกมาดูแลผู้อื่น

          แพทย์หญิงพรรณพิมลกล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข ยังมีการเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตของคนไทย โดยการสำรวจคัดกรองเชิงรุกตั้งแต่วันที่ 1 - 15 เมษายน 2564 จำนวน 838,550 คน พบกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะทำร้ายตนเองและภาวะเหนื่อยอ่อน อ่อนล้า 38,804 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 4.63 ซึ่งกรมสุขภาพจิตได้ติดตามอาการแล้ว 20,849 คน คิดเป็นร้อยละ 53.73 พร้อมทั้งให้คำปรึกษาเบื้องต้น, ติดต่อกลับเพื่อให้การช่วยเหลือ, ส่งต่อพบแพทย์หรือหน่วยงานอื่นๆ

          “ขอความร่วมมือประชาชนเข้ามาเช็คสุขภาพใจว่าความเครียดอยู่ในระดับใดที่ Mental Health Check-In จากเว็บไซต์ของกรมสุขภาพจิต ซึ่งจะทราบผลการประเมินทันที มีคำแนะนำการปฏิบัติตัว ที่สำคัญขอให้ใส่ข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ไว้ด้วย หากพบว่ามีความเสี่ยงเจ้าหน้าที่จะทำการติดต่อกลับเพื่อดูแลต่อไป หรือหากต้องการปรึกษาสุขภาพจิตโทรปรึกษาสายด่วน กรมสุขภาพจิต 1323” แพทย์หญิงพรรณพิมลกล่าว

 ***************************** 18 เมษายน 2564



   
   


View 2391    18/04/2564   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ