กระทรวงสาธารณสุข เผยนโยบายให้ประชาชน Walk in ฉีดวัคซีนโควิด 19 เริ่มอย่างเป็นทางการเดือนมิถุนายน 2564 ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบระบบ และให้คกก.โรคติดต่อแต่ละจังหวัด กำหนดจุดฉีดวัคซีน จำนวนที่จะฉีดแต่ละวัน หากคิวเต็มนัดหมายในวันที่ประชาชนสะดวก

          บ่ายวันนี้ (14 พฤษภาคม 2564) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์ระบาดของโรคโควิด 19 เปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก วันต่อวัน การบริหารจัดการจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้ทันสถานการณ์ เช่น การฉีดวัคซีน แผนหลักกำหนดไว้ในเดือนมิถุนายน 2564 แต่เนื่องจากมีการระบาดเมื่อเดือนมกราคม จึงได้หาวัคซีนมาเพิ่มฉีดให้กับประชาชนก่อน และขณะนี้มีข่าวดี อาจได้รับวัคซีนหลักเร็วขึ้นในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ จึงปรับเปลี่ยนการฉีดให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในกทม. เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์การระบาดของโรคได้ทัน และมีแผนใหม่เสริมแผนเดิม

          สำหรับการลงทะเบียนมี 3 ช่องทาง คือ 1. “หมอพร้อม” จะรู้ว่าได้ฉีดวัคซีนวันไหน มีความสะดวกมากขึ้น ไม่แออัด ได้รับบริการตามระบบ 2.ช่องทางรองรับผู้ที่ไม่สะดวกใช้เทคโนโลยี “หมอพร้อม” โรงพยาบาล/ อสม. สำรวจและจดรายชื่อผู้ที่เข้าเกณฑ์ได้รับวัคซีน ซึ่งโรงพยาบาลมีข้อมูลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุ และทางเลือกที่ 3 ที่นายกรัฐมนตรีให้แนวทางไว้ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้อย่างสะดวกสบาย พาวัคซีนไปหาประชาชนให้ใกล้ที่สุด คือ walk in และสามารถแก้ปัญหาที่อยู่ไม่ตรงกับบัตรประชาชน ขณะนี้หลายหน่วยงานได้ทดสอบระบบ เช่นที่ เซนทรัลลาดพร้าว สามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งมีคนสนใจ walk in จำนวนมาก และจะเริ่มดำเนินการจริงในเดือนมิถุนายนนี้ เป็นช่องทางที่จะทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น โดยเฉพาะในกทม.

         ส่วนในต่างจังหวัด การบริหารจัดการวัคซีนขึ้นอยู่กับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ส่วนกลางจะส่งวัคซีนตามยอดที่จะฉีดร้อยละ 70 ของจำนวนประชากร ให้จังหวัดไปจัดบริการ 3 กลุ่ม คือ หมอพร้อม, อสม./รพ.กำหนดมา และกลุ่ม walk in ในจังหวัดที่มีความพร้อม โดยกำหนดจุดฉีดวัคซีนที่ประชาชนเข้าถึงสะดวก และจำนวนที่จะให้บริการ walk in ได้ หากคิวเต็มจะให้บัตรนัดมารับการฉีดในวันที่สะดวก เป็นการจองคิวหน้างาน ทั้งนี้ประชาชนสอบถามจุดบริการฉีดวัคซีนได้ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด คาดว่าจะทยอยประกาศจุดบริการของแต่ละจังหวัดในสัปดาห์หน้า

          นายแพทย์โอภาสกล่าวต่อว่า ย้ำว่าการฉีดวัคซีนแบบเป็นทางการจะเริ่มมิถุนายน 2564 ปลายพฤษภาคมเป็นช่วงการซ้อมทดสอบระบบ ขณะนี้เป็นช่วงการสำรวจข้อมูลของทุกจังหวัดและกทม. ทั้งจุดที่จะเปิดบริการ วันเวลา จำนวนการให้บริการ เพื่อจัดส่งวัคซีน กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเปิดบริการ walk in ที่สถานีกลางบางซื่อในเดือนมิถุนายน และจะประกาศจำนวนที่จะฉีด โดยคาดว่าเปิดบริการเวลา 12.00 – 20.00 น. ตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมอบนโยบายไว้ว่า ต้องเป็นเวลาที่ประชาชนสะดวกมาฉีดได้หลังเลิกงาน เป็นต้น  

          ขณะนี้ เราฉีดวัคซีนแล้ว 2 ล้านกว่าโดส จากที่มี 2.4 ล้านโดส และตั้งแต่กลาง พ.ค.เป็นต้นไป คาดว่าจะมีวัคซีนมาประมาณ 3 ล้านโดส จะมีวัคซีนส่งไปยังจุดฉีดต่าง ๆ ได้อย่างเพียงพอ ระบบมีการตรวจสอบจำนวนที่ฉีด และส่งเพิ่มเติมให้ เพื่อฉีดให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่ระบาดเพื่อหยุดการระบาดให้เร็วที่สุด

          สำหรับข้อกังวลว่าจะฉีดได้ครอบคลุมในปีนี้หรือไม่ คิดจากเรามีโรงพยาบาล 1,000 แห่ง หากแต่ละแห่งฉีดได้วันละ 500 โดส จะฉีดได้วันละ 5 แสนโดส หรือเดือนละ 10-15 ล้านโดส ดังนั้น จำนวน 100 ล้านโดสไม่เกินกำลังที่จะสามารถฉีดให้ประชาชนได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าฉีดห่างกัน 10 - 12 สัปดาห์ ข้อมูลใหม่พบว่า เว้นระยะการฉีดห่างกันนานกว่านั้น ภูมิคุ้มกันยิ่งดีขึ้น เช่น 16 สัปดาห์ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขอาจจะประกาศให้ฉีดห่างกันนานขึ้น และการฉีดวัคซีนโควิด 19 จะต้องฉีดห่างจากวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 1 เดือน

          ส่วนการฉีดให้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ขณะนี้ได้เจรจากับบริษัทไฟเซอร์ ซึ่งสามารถฉีดให้ในอายุ 12 ปีขึ้นไป การเจรจาเป็นไปได้ด้วยดี จะสามารถส่งมอบได้ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และเมื่อได้รับวัคซีนมาแล้วก็จะทยอยฉีดให้กับประชาชนอายุตั้งแต่ 12-18 ปี ต่อไป สำหรับหญิงตั้งครรภ์ขณะนี้ยังไม่กำหนดให้ฉีด

           ทั้งนี้ กลุ่มเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ขับรถสาธารณะ แท็กซี่ คนขับรถตู้ ทำงานในสนามบิน จะจองได้ทั้งทางหมอพร้อม คาดว่าหมอพร้อม จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองนัดฉีดวัคซีนได้ปลายเดือนพฤษภาคม 2564 และนัดแบบเฉพาะเจาะจงเป็นกลุ่ม เช่น สมาคมแท็กซี่ สมาคมมัคคุเทศก์ ชมรมร้านอาหาร ยื่นความจำนงไปที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/ กทม. รวมทั้งการ walk in

 ******************************* 14 พฤษภาคม 2564

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 



   
   


View 10763    14/05/2564   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ