โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เตือนคนชอบเล่นกีฬาฟุตบอล ระวังการใช้หัวโหม่งลูกบอล เนื่องจากอาจทำให้เลือดออกในสมองได้เช่นเดียวกับอุบัติเหตุอื่นๆ โดยเฉพาะการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ไม่ใส่หมวกกันน็อคป้องกัน หลังได้รับอันตราย หากไม่สังเกตความผิดปกติ อาจทำให้เสียชีวิต หรือกลายเป็นเจ้าชายนิทราตลอดชีวิต นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้ต้องยอมรับว่ากระแสฟุตบอลยูโร 2008 มีอิทธิพลต่อการโน้มน้าวใจให้ประชาชน หันมาเล่นกีฬาประเภทฟุตบอลกันมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ทำให้ประชาชนได้ออกกำลังกาย เป็นผลดีต่อสุขภาพ ป้องกันโรคอ้วนได้ ผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดในปี 2550 พบคนไทยอายุ 11 ปีขึ้นไปออกกำลังกาย 16 ล้าน 3 แสนคนหรือประมาณร้อยละ 30 เกือบครึ่งนิยมเล่นกีฬา โดยเพิ่มขึ้นกว่าในปี 2546 เล็กน้อย ซึ่งมีคนออกกำลังกายร้อยละ 29 นายแพทย์สุพรรณกล่าวว่า ในการเล่นฟุตบอล อวัยวะที่ใช้มากที่สุดกับกีฬาประเภทนี้คือเท้า อย่างไรก็ดี จะต้องมีการระมัดระวังในผู้ที่ชอบใช้หัวโหม่งลูกบอล ซึ่งจากการวิจัยในต่างประเทศ พบว่านอกจากจะทำใหเกิดการบาดเจ็บที่บริเวณต้นคอและกระดูกสันหลัง คือทำให้ต้นคอเคล็ดและกระดูกสันหลังแตกแล้ว อาจทำให้สมองได้รับอันตราย มีเลือดออกในสมอง ถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งเคยมีรายงานในต่างประเทศเมื่อ 4-5 ปีมานี้ “หลังจากที่สมองได้รับบาดเจ็บ ซึ่งอาจมีบาดแผลหรือไม่มีก็ได้ ในระยะแรกๆ จะไม่มีความผิดปกติ เช่นเดียวกับกรณีการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่ไม่ใส่หมวกกันน็อค โดยผู้บาดเจ็บจะรู้สึกตัวดี ทำอะไรได้ตามปกติ เนื่องจากเลือดที่อออกในสมองจะค่อยๆ ซึมออกมาเรื่อยๆ และเมื่อเลือดไหลมารวมกันมากขึ้น จะกลายเป็นก้อนไปกดที่เนื้อสมอง ทำให้เกิดอาการความผิดปกติขึ้น หากเลือดออกมากและนาน อาจทำให้ไม่รู้สึกตัว หรือเสียชีวิตได้ ซึ่งประชาชนมักจะไม่เข้าใจกลไกที่ว่านี้” นายแพทย์สุพรรณกล่าว นายแพทย์สุพรรณ กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ ยังมีอาการของการที่สมองได้รับการกระทบกระเทือน อาจทำให้เกิดอาการสะสมในระยะยาว เช่น กรณีของโมฮัมหมัด อาลี แชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวท อาการทางสมองปรากฏ หลังจากได้รับความกระทบกระเทือนที่ศีรษะในสังเวียนต่อสู้ทุกครั้งมานาน ทั้งนี้ อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผู้ที่สมองได้รับบาดเจ็บหรือกระทบกระเทือน ที่ต้องรีบไปพบแพทย์ ได้แก่ อาการปวดศีรษะ กระสับกระส่าย มีคลื่นไส้อาเจียน ไม่รู้สึกตัว มีเลือดหรือมีน้ำใสๆ ไหลออกจากหู มีไข้ แขนขาอ่อนแรง ตาพร่ามัว ความจำเลอะเลือน ******************************* 22 มิถุนายน 2551


   
   


View 12    22/06/2551   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ