กระทรวงสาธารณสุข เผยแนวโน้มผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายใหม่ลดลงต่อเนื่อง ฉีดวัคซีนครอบคลุมเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 32.5 ของประชากร ย้ำหลังเปิดกิจการ/กิจกรรมในวันที่ 1 ก.ย. ประชาชนยังต้องป้องกันตนเองขั้นสูงสุด เพื่อใช้ชีวิตอยู่กับโรคโควิด 19 ได้อย่างปลอดภัย ส่วนสายพันธุ์ C.1.2 ยังไม่พบในประเทศไทย

           วันนี้ (31 สิงหาคม 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โควิด 19 ประจำวัน และแนวทางปฏิบัติตนเมื่อเปิดกิจการ/ กิจกรรม ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ของไทยผ่านจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่พบผู้ป่วย 23,000 กว่าราย และ
มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,666 ราย รักษาหาย 19,245 ราย ผู้เสียชีวิต 190 ราย ร้อยละ 88 เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ที่มีโรคเรื้อรัง โดยเป็นการติดเชื้อในพื้นที่จากคนรู้จัก, คนที่อาศัยร่วมกัน, ครอบครัว และอาชีพเสี่ยง 

           สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 วานนี้ (30 สิงหาคม) ฉีดได้ 817,342 โดส รวมสะสม 31,771,819 โดส เป็นอันดับ 4 ของอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์  โดยเป็นเข็มแรก 23,401,465 โดส คิดเป็นร้อยละ 32.5 ของประชากร และครบ 2 เข็ม 7,780,973 โดส คิดเป็นร้อยละ 10.8 ของประชากร ส่วนเข็มแรกในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปครอบคลุมร้อยละ 44.7, กลุ่ม 7 โรคเรื้อรังร้อยละ 42, หญิงตั้งครรภ์ร้อยละ 7.9  

         นายแพทย์เฉวตสรรกล่าวต่อว่า ในวันที่ 1 กันยายนนี้ ศบค. ได้ให้เปิดกิจการ/กิจกรรม เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ ขณะเดียวกันประชาชนสามารถใช้ชีวิตอยู่กับโรคโควิด 19 ได้อย่างปลอดภัย ภายใต้มาตรการควบคุมโรคแนวใหม่ โดยความร่วมมือของ 3 ส่วน คือ ภาครัฐ กำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับกิจการ/ กิจกรรมต่าง ๆ เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดใหม่ ส่วนภาคเอกชน/ สถานประกอบการ/ ผู้จัดกิจกรรมต่าง ๆ ต้องจัดสิ่งแวดล้อม สถานที่ ให้มีการถ่ายเทอากาศที่ดี ทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วมบ่อย ๆ พนักงาน/ผู้ให้บริการ/ผู้รับบริการ เข้มมาตรการส่วนบุคคล DMHTT และประชาชน ต้องใช้การป้องกันตนเองแบบครอบจักรวาล คือป้องกันขั้นสูงสุดกับทุกคน ทุกสถานที่ ทุกเวลา เพื่อลดการรับและแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น ทั้งนี้ ขณะนี้ยังไม่ได้เป็นข้อกำหนดให้ต้องฉีดวัคซีน หรือตรวจ ATK ก่อนเปิดบริการหรือเข้ารับบริการ แต่เป็นการขอความร่วมมือกิจการ/ กิจกรรมที่มีความพร้อมให้ดำเนินการก่อน และหลังจากประเมินการดำเนินการแล้ว จะปรับปรุงแนวทางและออกเป็นข้อกำหนดเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

           ส่วนข่าวพบเชื้อโควิดสายพันธุ์ C.1.2 ในประเทศจีนและสหราชอาณาจักรนั้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีการเฝ้าระวังเชื้อกลายพันธุ์ โดยทำการสุ่มตรวจสารพันธุกรรมเชื้อจากทั่วประเทศจำนวน 500 ตัวอย่างต่อสัปดาห์ รวมทั้งเฝ้าระวังและตรวจสายพันธุ์ในผู้เดินทางมาจากประเทศที่มีรายงานเชื้อกลายพันธุ์ ขณะนี้ยังไม่พบสายพันธุ์ C.1.2  โดยสายพันธุ์ที่พบในประเทศไทยร้อยละ 92-93 ยังคงเป็นสายพันธุ์เดลตา 


 ********************************  31 สิงหาคม 2564



   
   


View 863    31/08/2564   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ