กระทรวงสาธารณสุข กำชับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขทั่วประเทศ เฝ้าระวังโรคฉี่หนูอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นฤดูกาลระบาด รอบ 5 เดือนปีนี้ ทั่วประเทศพบผู้ป่วยแล้ว 587 ราย เสียชีวิต 15 ราย แนะให้ใส่รองเท้าป้องกัน ผู้ที่มีแผลที่ขาหรือเท้า อย่าเดินลุยน้ำ ผักสดที่เก็บจากทุ่งนาก่อนกินต้องล้างน้ำให้สะอาด นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีฝนตกชุก บางพื้นที่เกิดน้ำท่วมขัง ทำให้เกิดโรคที่พบได้บ่อยคือ โรคฉี่หนู หรือไข้เลปโต (Leptospirosis) ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศและอาสาสมัครสาธารณสุข ซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับคนในชุมชนทุกจังหวัด ประชาสัมพันธ์ให้รู้วิธีการป้องกันตัว พร้อมทั้งเฝ้าระวังการเจ็บป่วย หากมีรายงานผู้ป่วยให้ส่งทีมลงไปสอบสวนควบคุมโรคที่บ้านทันที เพื่อสามารถทำการควบคุมโรคได้อย่างทันท่วงที นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า โดยทั่วไปโรคฉี่หนูพบผู้ป่วยได้ประปรายตลอดปี แต่จะพบมากในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ในปี 2550 พบผู้ป่วย 3,279 ราย เสียชีวิต 54 ราย ในปี 2551 นี้ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงวันที่ 14 มิถุนายน ทั่วประเทศพบผู้ป่วย 587 ราย เสียชีวิต 15 ราย มากที่สุดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 333 ราย เสียชีวิต 6 ราย โดย จ.กาฬสินธุ์ พบผู้ป่วยมากสุด 66 ราย ภาคใต้ป่วย 151 ราย ไม่มีเสียชีวิต พบผู้ป่วยมากที่สุดที่ จ.นครศรีธรรมราช 40 ราย ภาคเหนือป่วย 78 ราย เสียชีวิต 6 ราย มากที่สุดที่ จ.น่าน 20 ราย และภาคกลางป่วย 41 ราย เสียชีวิต 3 ราย มากที่สุดที่ จ.ชัยนาท 11 ราย โดยผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน อาชีพทำไร่ทำนา สาเหตุของโรคฉี่หนู เกิดจากมาเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น หนู วัว ควาย โดยเชื้อจะปนเปื้อนอยู่ตามน้ำที่ขังเฉอะแฉะตามพื้นดินที่เปียกชื้น หรือปนเปื้อนพืชผักที่ขึ้นตามทุ่งนา เชื้อนี้สามารถไชเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังผ่านทางรอยแผล รอยขีดข่วน และเข้าทางเยื่อบุของปาก ตา จมูก หรือผ่านผิวหนังปกติที่แช่น้ำอยู่นานๆ ได้ คนมักติดเชื้อขณะเดินย่ำดินโคลน เดินลุยน้ำท่วม หรือจากการกินอาหารหรือน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ ซึ่งเชื้อโรคฉี่หนูนี้มีชีวิตอยู่ในน้ำได้หลายเดือน ทางด้านนายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคฉี่หนู ส่วนใหญ่จะมีอาการป่วยหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 4-10 วัน โดยจะมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะบริเวณน่องและโคนขา บางรายมีอาการตาแดงร่วมด้วย หากรายใดมีอาการดังกล่าว ขอให้รีบพบแพทย์เป็นการด่วน เนื่องจากโรคนี้มียารักษาหายขาด อย่าปล่อยไว้จนเรื้อรัง จะเกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรง คือ ไตวาย ตับวาย ทำให้เสียชีวิตได้ ทั้งนี้ ได้กำชับให้แพทย์ในโรงพยาบาลทุกแห่ง ให้การตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยทุกคนให้ดีที่สุด เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนและลดการเสียชีวิต และขอให้ผู้ป่วยแจ้งประวัติการเดินลุยน้ำให้แพทย์ผู้รักษาทราบด้วย สำหรับการป้องกันโรคฉี่หนู ควรสวมรองเท้าทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการแช่น้ำ เดินลุยน้ำนานๆ ไม่ลงว่ายน้ำขณะที่มีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะผู้ที่มีบาดแผลหรือรอยถลอก รอยขีดข่วน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรปิดปลาสเตอร์ที่แผลก่อนลงน้ำ และรีบล้างเท้าให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง ผักสดที่เก็บมาจากทุ่งนาต้องล้างให้สะอาดก่อนกิน หากบริโภคน้ำบ่อน้ำตื้นควรต้มให้เดือดก่อนเพื่อฆ่าเชื้อ ดูแลบ้านเรือนให้สะอาด กำจัดขยะ ไม่ให้เป็นที่อยู่และแหล่งอาหารของหนู ควรเก็บอาหารไว้ในที่มิดชิด ป้องกันไม่ให้หนูปัสสาวะรดอาหาร อาหารที่ค้างมื้อ จะต้องนำมาอุ่นให้ร้อนก่อนกิน และล้างมือทุกครั้งก่อนกินอาหาร ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง อย่านำสัตว์ไปเลี้ยงหรือให้ลงกินน้ำ แช่น้ำ ในแหล่งน้ำที่คนใช้ในการบริโภค *****************************1 กรกฎาคม 2551


   
   


View 12    01/07/2551   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ