รัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข สั่งการจังหวัดลำพูน เชียงใหม่ ควบคุมโรคสเตรปโตคอคคัส ซูอิส หรือโรคไข้หูดับ เตือนประชาชนโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลงานบุญ เข้าพรรษา งานบวช ต้องปรุงเนื้อหมูให้สุก หากติดเชื้อนี้มีโอกาสเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 20-30 และหากพบแพทย์รักษาช้ามีโอกาสเกิดหูหนวกร้อยละ 50-80 เผยล่าสุดยังมีผู้ป่วยนอนรักษาในโรงพยาบาลลำพูน และจอมทอง 57 ราย ส่วนใหญ่อาการดีขึ้น มีโคม่า 1 รายเป็นชาย จากกรณีที่ชาวบ้านในจังหวัดลำพูนและเชียงใหม่ มีอาการป่วยจากติดเชื้อโรคสเตรปโตคอคคัส ซูอิส หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า โรคไข้หูดับ มีอาการไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ แน่นหน้าอก อาเจียน ถ่ายเหลว เดินเซ ทรงตัวไม่ได้ หลังจากกินลาบหลู้หมูดิบ ในงานศพที่ ต.หนองล่อง อ.เวียงหนองล่อง และ ต.หนองปลาสวาย อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน เมื่อ 4 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา มีผู้ป่วย 12 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 ราย และเกิดที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ในเวลาไล่เลี่ยกัน มีผู้ป่วย 48 ราย รวมทั้งหมด 60 ราย โดยก่อนเกิดการระบาดที่ อ.จอมทอง ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2551 พบผู้ป่วยในเชียงใหม่ 8 ราย ที่ อ.สันทราย ดอยสะเก็ด สันกำแพง ดอยหล่อ และจอมทอง ความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในวันนี้ได้ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) จากสำนักระบาดวิทยา และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 เชียงใหม่ ลงพื้นที่ร่วมกับทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วจากจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน เพื่อทำการควบคุม เฝ้าระวังโรคในพื้นที่เป็นการด่วน และให้ความรู้ชาวบ้านที่เกิดเหตุและหมู่บ้านใกล้เคียง รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั้งจังหวัดรับทราบความรุนแรงของโรคไข้หูดับ แนะนำให้เลือกซื้อเนื้อหมูจากแหล่งที่ถูกสุขอนามัยและให้กินหมูสุก ก็จะปลอดภัยจากโรคนี้ สำหรับผู้ป่วยทุกรายได้สั่งการให้ทีมแพทย์พยาบาลดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มที่ สถานการณ์ล่าสุด ยังไม่มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มใน 2 จังหวัด มีนอนโรงพยาบาล 57 ราย โดยอยู่ที่ รพ.ลำพูน 9 ราย รพ.จอมทอง 48 ราย ในจำนวนนี้อาการโคม่า นอนในห้องไอซียู 1 ราย เป็นชายอายุ 35 ปี อยู่ ต.ข่วงเปา อ.จอมทอง หายใจได้เอง มีไข้สูงปานกลาง แพทย์ได้รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ ที่เหลือส่วนใหญ่อาการดีขึ้น หน่วยสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วได้ตรวจเลือดผู้สัมผัสเชื้อที่กินลาบหลู้หมูดิบ จาก 2 อำเภอดังกล่าวอีก 236 ราย คาดว่าจะทราบผลภายใน 2 วัน ทางด้านนายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคสเตรปโตคอคคัส ซูอิส หรือโรคไข้หูดับ เป็นโรคติดเชื้อเกิดจากแบคทีเรียชื่อ สเตรปโตคอคคัส ซูอิส (Streptococcus suis) เชื้อนี้จะอยู่ในโพรงจมูกและในช่องปากของหมู หลังได้รับเชื้อ1-3 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ มีไข้สูง ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ อาเจียน บางรายไม่รู้สึกตัว โคม่า ชักกระตุก เป็นอัมพาต บางรายอาจมีอาการอักเสบที่เยื่อบุหัวใจ ปอด สายตาพร่ามัว โรคนี้มีโอกาสเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 20-30 นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจมีภาวะแทรกซ้อนระยะยาว คือ หูหนวกถาวร พบได้รัอยละ 50-80 โดยหมูที่มีเชื้อในตัวจะไม่แสดงอาการ แต่จะแพร่มาสู่คนได้โดยการกินหมูดิบๆ ทั้งเนื้อ เครื่องใน เลือด หรือสัมผัสหมูที่ติดเชื้อ โดยเฉพาะเกษตรกร ผู้เลี้ยง คนชำแหละ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือกินหมูสุกเท่านั้น ไม่กินสุกๆ ดิบๆ คนที่เสี่ยงสัมผัสโรค จะต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันคือ สวมถุงมือยาง ใส่รองเท้าบู้ท ล้างมือหลังสัมผัสกับหมูทุกครั้ง นายแพทย์ธวัช กล่าวต่อว่า โรคไข้หูดับพบในไทยมาแล้ว 21 ปี พบผู้ป่วยประปรายทุกปี เนื่องจากมีพฤติกรรมการกินลาบหลู้หมูดิบ ในปี 2550 พบผู้ป่วย 150 ราย เสียชีวิต 23 ราย ร้อยละ 99 อยู่ในภาคเหนือ ในปีนี้ตั้งแต่ 1 มกราคม -30 มิถุนายน 2551 มีผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาลแล้ว 18 ราย เสียชีวิต 3 ราย ยังไม่รวมที่เกิดขึ้นล่าสุดที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ กับ จ.ลำพูน ขณะนี้ กรมควบคุมโรคได้ร่วมกับกรมปศุสัตว์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จัดประชุมเสริมสร้างความรู้โรคนี้แก่แพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเขตภาคเหนือ ในการพัฒนาระบบการเฝ้าระวังโรค การดูรักษา และจัดทำคู่มือป้องกันควบคุมไข้หูดับ จำนวน 5,000 เล่ม จะให้สถานบริการสาธารณสุข ใช้เป็นแนวทางในการป้องกันควบคุมโรค ทางด้านรศ.แพทย์หญิงนิรมล นาวาเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคสเตรปโตคอคคัส ซูอิส คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า โรคนี้มักพบบ่อยในชายสูงอายุ มีประวัติดื่มสุราเรื้อรัง และนิยมกินลาบหลู้หมูดิบ ซึ่งอาหารดังกล่าวเป็นที่นิยมในหมู่คนภาคเหนือ นอกจากนี้ การรับประทานหมูกระทะสุกๆ ดิบๆ ก็มีโอกาสติดเชื้อโรคไข้หูดับได้เช่นกัน ดังนั้นเวลากินไม่ว่าจะเป็นหมูกระทะ ลาบ หลู้ ขอให้กินสุกด้วยความร้อนเท่านั้น หากประชาชนมีอาการป่วยที่สำคัญ เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะ หลังกินหมูดิบภายใน 3 วัน ให้รีบไปพบแพทย์ด่วน และต้องบอกแพทย์ว่ากินหมูดิบมา หากมาพบแพทย์เร็วจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและหูหนวก ตาบอดได้ ******************************** 8 กรกฎาคม 2551


   
   


View 13    08/07/2551   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ