รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบกรมควบคุมโรคเตรียมข้อเสนอ ศบค. ปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนในผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ พร้อมเพิ่มจุดบริการฉีดวัคซีนในสถานีขนส่งผู้โดยสารทุกประเภท

           วันนี้ (20 ธันวาคม 2564 ) ที่โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด 19 กลายพันธุ์เป็นสิ่งที่น่ากังวล โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน เนื่องจากมีการเปิดให้เดินทางระหว่างประเทศ โดยขณะนี้ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนแล้ว 63 ราย จึงต้องมีการพิจารณายกระดับและปรับมาตรการในผู้ที่เดินทางเข้าประเทศให้เข้มข้นขึ้น เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศ ทั้งยุโรป ตะวันออกกลาง อเมริกา และแอฟริกา เป็นต้น โดยอาจกักตัวเพื่อเฝ้าสังเกตอาการก่อน และตรวจ RT- PCR เป็นระยะ เมื่อพบว่าปลอดเชื้อ จึงจะอนุญาตให้เดินทางต่อได้

                นายอนุทินกล่าวว่า มาตรการต่างๆ ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอาจทำให้บางคนเกิดความไม่สะดวกโดยเฉพาะผู้ที่มีความจำเป็นในการเดินทาง แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อความปลอดภัยของประชาชนส่วนใหญ่ เพราะแม้ผ่านระบบคัดกรองจากประเทศต้นทาง ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะไม่พบเชื้อ ทั้งนี้ ได้มอบให้กรมควบคุมโรคจัดทำแนวทางนำเสนอต่อที่ประชุม ศบค. เพื่อประกาศเป็นแนวทางปฎิบัติต่อไป

                ส่วนการฉีดวัคซีนขณะนี้ภาพรวมประเทศไทยสามารถฉีดได้ เกิน 100  ล้านโดส ซึ่งช่วยลดความเสี่ยง สร้างความปลอดภัย ไม่ให้ป่วยหนัก และเสียชีวิตได้ และขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งรณรงค์ฉีดเข็มกระตุ้นเข็ม 3 ให้กับผู้ที่ครบระยะเวลาการฉีด เพื่อช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ พร้อมให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแต่ละจังหวัด ประสานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเพิ่มพื้นที่ให้บริการฉีดวัคซีนมากขึ้น เช่น สถานีขนส่งผู้โดยสารทางบก น้ำ และอากาศ เป็นต้น

                       สำหรับเทศกาลปีใหม่ 2565 นี้ การจัดกิจกรรมต่างๆ ต้องมีการขออนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยเฉพาะกิจกรรมรื่นเริงที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมากต้องมีมาตรการเสริมเพื่อความปลอดภัย เช่นกรณีของจังหวัดสุรินทร์ เป็นตัวอย่างให้พื้นที่อื่นๆ ได้มีความเข้มงวดมากขึ้น

*********************************** 20 ธันวาคม 2564

*************************************



   
   


View 466    20/12/2564   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ