รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำทีมนักวิชาการเยี่ยมเรือนจำพิเศษมีนบุรี เพื่อสนับสนุนกรมราชทัณฑ์ดูแลระบบสุขาภิบาลและสุขภาพผู้ต้องขัง โดยจัดอบรมผู้ต้องขังชั้นดี ให้เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำเรือนจำ ดูแลสุขภาพขั้นต้นผู้ต้องขังด้วยกัน ขณะนี้มีผู้ต้องขังผ่านการอบรมและเหลืออยู่ในเรือนจำประมาณ 6,000 คน ปีนี้จะอบรมเพิ่มอีก สามารถให้การดูแลเพื่อนผู้ต้องขังเฉลี่ย 1 ต่อ 10-20 คน บ่ายวันนี้ (22 กรกฎาคม 2551)นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมเรือนจำพิเศษมีนบุรี กทม. และให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ได้นำคณะผู้บริหาร นักวิชาการควบคุมโรค และนักวิชาการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมจากกรมอนามัย มาตรวจเยี่ยมสถานที่ต่างๆ ในเรือนจำ พร้อมให้คำแนะนำด้านวิชาการ ในการดูแลและปรับปรุงสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม ความสะอาดของน้ำ อาหาร การกำจัดขยะ ส้วม ระบบระบายอากาศในโรงอาหาร เรือนนอน รวมทั้งการดูแลสุขภาพอนามัย ทั้งทางร่างกายและจิตใจของผู้ต้องขัง ที่อาจจะมีปัญหาเนื่องจากเรือนจำเป็นสถานที่ที่คนอาศัยอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากและอยู่ในบริเวณจำกัด จากข้อมูลจากกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ล่าสุดในปี 2550 มีเรือนจำ/ทัณฑสถาน 136 แห่ง มีผู้ต้องขัง 168,656 คน ประมาณร้อยละ 85 เป็นชาย ที่เหลือร้อยละ 15 เป็นหญิง มีโรงพยาบาล 1 แห่ง สถานพยาบาล 135 แห่ง โดยที่เรือนจำพิเศษมีนบุรีมีผู้ต้องขังประมาณ 2,500 คน นายวิชาญ กล่าวต่อว่า ผู้ต้องขังร้อยละ 70 มีสิทธิตามโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งในปี 2552 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอของบเหมาจ่ายรายหัวเพิ่มจาก 2,100 บาท เป็น 2,317 บาท ในกทม. ทัณฑสถานโรงพยาบาล เป็นหน่วยบริการหลักรับเงินโดยตรงจาก สปสช. ส่วนในต่างจังหวัด โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ในพื้นที่จะเป็นผู้ให้บริการหลักตามสิทธิเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป ที่ผ่านมาพบว่าไม่มีปัญหาในเรื่องการรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย แต่ที่กระทรวงสาธารณสุขมีความห่วงใยมากกว่านั้น ก็คือการส่งเสริมสุขภาพผู้ต้องขังให้มีสุขภาพดี ซึ่งจะต้อง ดูแลระบบการสุขาภิบาลความสะอาดต่างๆ โดยมีนโยบายให้มีอาสาสมัครสาธารณสุขอยู่ในเรือนจำทุกแห่งเหมือนในหมู่บ้าน เพื่อดูแลระบบการสาธารณสุขขั้นพื้นฐานและสุขภาพผู้ต้องขังเบื้องต้นได้ด้วย ได้มอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ จัดอบรมผู้ต้องขังที่มีประวัติดี ให้เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขในเรือนจำ (อสม.รจ.) เพื่อช่วยงานเจ้าหน้าที่ด้านรักษาพยาบาล และดูแลสุขภาพอนามัยเพื่อนผู้ต้องขังในเรือนจำ ส่วนในต่างจังหวัด ได้มอบนโยบายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประสานกับเรือนจำต่างๆ จัดอบรม ที่ผ่านมาได้อบรมไปแล้ว 14,000 คน แต่ขณะนี้เหลืออยู่ประมาณ 6,000 คน เฉลี่ย 1 คน ดูแล 30 คน ในปีนี้จะอบรมเพิ่มอีก เพื่อดูแลผู้ต้องขังเฉลี่ย 10-20 คน ซึ่งจะทำให้ผู้ต้องขังได้รับการดูแลสุขภาพดีขึ้น นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับกรมราชทัณฑ์ ในการดูแลสุขภาพอนามัยของผู้ต้องขังหลายโครงการ อาทิ โครงการ พัฒนาศักยภาพแกนนำด้านการป้องกันเอดส์ในทัณฑสถาน การควบคุมวัณโรคในเรือนจำ เนื่องจากอยู่ในสถานที่แออัด เสี่ยงต่อการระบาดของโรคทางเดินหายใจ ในปีนี้จะทำต่อเนื่อง ******************************* 22 กรกฎาคม 2551


   
   


View 16    22/07/2551   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ