รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ติดตามสถานการณ์โควิด 19 และระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยในจังหวัดจันทบุรี พบระลอกใหม่ผู้ติดเชื้อสะสมประมาณ 10,000 ราย เน้นการรักษาในระบบผู้ป่วยนอก ให้ยาตามอาการ พร้อมกำชับพื้นที่เร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนในประชากรทุกกลุ่มทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้นก่อนเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพื่อความปลอดภัยเมื่อลูกหลานกลับบ้าน รวมถึงกลุ่มแรงงานต่างชาติที่ได้รับอนุญาตเข้ามาทำงาน เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาด

          วันนี้ (25 มีนาคม 2565) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวานิช ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 และคณะผู้บริหาร ติดตามสถานการณ์และการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคโควิด 19 ที่ศูนย์พักคอยสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี และกล่าวว่า สถานการณ์โควิด 19 ระลอกใหม่ของจังหวัดจันทบุรี ตั้งแต่มกราคม ถึงวันที่ 24 มีนาคม 2565 มีผู้ป่วยสะสม 10,370 ราย และมีผู้ติดเชื้อที่ตรวจพบจากการตรวจ ATK 19,889 ราย ปัจจุบันผู้ติดเชื้อกว่า 80% เข้ารับการรักษาในระบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัว (OPSI) ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากไม่มีอาการรุนแรง โดยได้รับการรักษาด้วยยาฟ้าทะลายโจรและกลุ่มยาตามอาการ รวม 90% อีก 10% ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ สำหรับผู้ป่วยไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้จะมีศูนย์พักคอยในพื้นที่รองรับ เช่น อำเภอท่าใหม่ มีศูนย์พักคอย 3 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนเทศบาลวัดไผ่ล้อม โรงเรียนมัธยมวัดเขาสุกิม และศูนย์พักคอยสองพี่น้อง หากผู้ป่วยมีอาการมากขึ้นจะมีระบบส่งต่อไปโรงพยาบาลท่าใหม่ และหากอาการหนักจะส่งต่อไปโรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี ซึ่งขณะนี้ยังมีเตียงเพียงพอรองรับผู้ป่วย และมียาครอบคลุมทุกกลุ่มอาการ

              ส่วนสถานการณ์การฉีดวัคซีนของจังหวัดจันทบุรี ขณะนี้ประชาชนทั่วไปได้เข็มแรก 79% กลุ่ม 608 ได้ 76% และวัคซีนเข็มกระตุ้นได้ 35% ได้กำชับให้เร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์เพื่อเตรียมรับลูกหลานกลับบ้านอย่างปลอดภัย นอกจากนี้ ให้ติดตามผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และผู้ที่ต้องเข้ารับการฉีดเข็มกระตุ้นให้มาฉีดวัคซีนให้มากที่สุด รวมถึงกลุ่มแรงงานต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศเพื่อมาทำงานภาคการเกษตรตามฤดูกาล ตามมาตรา 64 เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงการแพร่ระบาด สำหรับลูกหลานที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา ขอให้ทำตัวเองให้ปลอดจากเชื้อโควิด 19 ตามแนวทาง COVID Free Personal ด้วยการฉีดวัคซีนทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้น เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อ ช่วง 1 สัปดาห์ก่อนเดินทาง งดการรวมกลุ่มสังสรรค์ พบปะผู้คนจำนวนมาก หรือเข้าไปยังสถานที่เสี่ยง และตรวจ ATK ก่อนเดินทาง เพื่อคัดกรองตนเอง ไม่ให้นำเชื้อกลับไปแพร่ให้ผู้สูงอายุที่บ้าน

 *********************************************** 25 มีนาคม 2565

*********************************************

 



   
   


View 738    25/03/2565   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ