รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำคณะผู้แทนประเทศไทยนำเสนอความพร้อม “ภูเก็ต” ให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo ปี 2028 แข่งกับสหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา เซอร์เบีย และสเปน เผยประชุมซักซ้อมเต็มที่ก่อนนำเสนอ หากได้รับสิทธิ์จาก BIE จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ มีเงินสะพัดกว่า 4.9 หมื่นล้านบาท เกิดการจ้างงาน ส่งเสริม Medical Hub และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

           วันนี้ (20 มิถุนายน 2565) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) และผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เดินทางมาเข้าร่วมประชุมสามัญประจำปี ครั้งที่ 170 ของสำนักงานองค์การนิทรรศการนานาชาติ (BIE 170th General Assembly) ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 19-21 มิถุนายน 2565 เพื่อร่วมนำเสนอความพร้อมของประเทศไทย (Country Presentation) ในการเป็นเจ้าภาพการจัดงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษ (Specialised Expo) ที่จังหวัดภูเก็ต ภายใต้ชื่องาน EXPO 2028 – Phuket, Thailand ในนามรัฐบาลไทย ซึ่งครั้งนี้ยังมีประเทศที่เสนอตัวเพื่อเป็นเจ้าภาพการจัดงานอีก 4 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา เซอร์เบีย และสเปน 

           ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ยื่นเสนอเป็นเจ้าภาพการจัดงานเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 นำส่งเอกสารทางเทคนิคในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยจะมีการนำเสนอความพร้อมของประเทศจำนวน 3 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 1 และทาง BIE จะเริ่มสำรวจพื้นที่การจัดงาน 2 ครั้ง โดยจะสำรวจครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมนี้ เมื่อกระบวนการเสร็จสิ้นจะประกาศผลประเทศที่ได้รับคัดเลือกช่วงเดือนมิถุนายน 2566 หากประเทศไทยชนะการคัดเลือกจะใช้เวลาจัดเตรียมงาน 4 ปี ระหว่างปี 2567-2570 โดยมีกำหนดการจัดงาน ระหว่างวันที่ 20 มีนาคม -17 มิถุนายน 2571 รวมระยะเวลา 3 เดือน ซึ่ง TCEB ประเมินว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงาน 4.93 ล้านคน เป็นชาวไทยร้อยละ 54 และชาวต่างชาติร้อยละ 46 มีรายได้จากการจัดงาน 3,312 ล้านบาท เกิดเงินสะพัดทางเศรษฐกิจระหว่างช่วงเวลาจัดงานราว 49,231 ล้านบาท ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมและผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) 39,357 ล้านบาท มีรายรับจากการเก็บภาษี กระตุ้นการจ้างงาน มีความคุ้มค่าในการลงทุนถึง 9 เท่า นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์และขับเคลื่อนนโยบายตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนนวัตกรรมทางการแพทย์และการส่งเสริมสุขภาพในอนาคต

            “ทันทีที่เดินทางมาถึง ได้มีการซักซ้อมการนำเสนอความพร้อมของประเทศไทย และวันนี้มีการประชุมเตรียมความพร้อมก่อนนำเสนออีกครั้ง ซึ่งจะนำเสนอความพร้อมในการจัดงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้ได้รับการคัดเลือกเป็นเจ้าภาพการจัดงาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงจะมีการหารือร่วมกับเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส เรื่องแนวทางการขับเคลื่อนนโยบาย Medical Hub และส่งเสริมการท่องเที่ยว เชิงสุขภาพด้วย” นายอนุทินกล่าว


 ******************************************** 20 มิถุนายน 2565

 



   
   


View 1419    20/06/2565   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ