ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเปิดประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การควบคุมโควิดในโรงงาน พร้อมมอบรางวัลสถานประกอบการต้นแบบ "Bubble and Seal" ชูเป็นโมเดลป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อในสถานประกอบกิจการ  ขยายผล 2,861 แห่งทั่วประเทศ ทำให้อัตราการติดเชื้อในสถานประกอบกิจการลดลงตามลำดับ

      วันนี้ (30 มิถุนายน 2565) ที่โรงแรม รามา การ์เด้นส์ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้บูรณาการเชิงนโยบายด้านการดำเนินงาน เฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโควิด 19 ในสถานประกอบกิจการ "Thailand Move Forward to Better Living and Working" พร้อมปาฐกถาพิเศษ "The Next Chapter of COVID -19 in Thailand" และมอบโล่รางวัลเครือข่ายที่ร่วมขับเคลื่อนดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคโควิด 19 ในสถานประกอบการ ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงานกระทรวงมหาดไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, รางวัลสถานประกอบกิจการแห่งแรกที่ดำเนินมาตรการ Bubble and Seal จำนวน 1 แห่ง และสถานประกอบกิจการต้นแบบการดำเนินงานตามมาตรการ Bubble and Seal ระดับดีเด่น 35 แห่ง โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และเครือข่ายเข้าร่วมแสดงความยินดีกับสถานประกอบกิจการต้นแบบที่ได้รับโล่รางวัล

          นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า การระบาดของโรคโควิด 19 ช่วงต้นปี 2564 ในสถานประกอบกิจการ จ.สมุทรสาคร ทำให้โรงงานหลายแห่งปิดกิจการ สูญเสียมูลค่าถึง 3.5 แสนล้านบาท คิดเป็น 4% ของมูลค่าตลาด เกิดผลกระทบทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ แรงงาน และสังคม เช่น อัตราการว่างงาน การขาดรายได้ เกิดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลเพิ่มมากขึ้น แต่ความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทั้งระดับประเทศและระดับพื้นที่  ทำให้สามารถควบคุมการระบาดของโควิดในโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

         สำหรับการเข้าสู่ระยะหลังการระบาดใหญ่ หรือ Post-Pandemic ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เตรียมความพร้อมสู่การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบนั้น กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำแผนและมาตรการการบริหารจัดการโดยสร้างความสมดุลทั้งสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นสามารถกลับมาดำเนินชีวิตตามเดิมและอยู่ร่วมกับโควิดได้ (Living with COVID) ทำให้แรงงานมีงานทำ ขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุน เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้า แต่สิ่งสิ่งสำคัญ คือ แม้จะผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น แต่ขอความร่วมมือทุกคนยังคงมาตรการ 2 U คือ Universal Prevention เช่น การเว้นระยะห่าง และล้างมือบ่อยๆ ควรใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่แออัด หากพบมีอาการน่าสงสัยจึงตรวจหาเชื้อ และ Universal Vaccination การรับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อยกระดับภูมิคุ้มกัน เพื่อความปลอดภัยกับการใช้ชีวิตและการทำงาน

          ด้าน นพ.โอภาส กล่าวว่า การระบาดของโรคโควิด 19 ในกลุ่มสถานประกอบกิจการระยะแรกเมื่อต้นปี 2564 เพียง 3 วัน พบผู้ติดเชื้อในตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกือบ 700 ราย พบผู้ติดเชื้อสะสม 11,343 ราย โดยร้อยละ 83.3 เป็นผู้ติดเชื้อในสถานประกอบกิจการ  ต่อมาประเทศไทยเริ่มพบการระบาดในสถานประกอบกิจการอย่างต่อเนื่อง ในช่วงมิถุนายน 2564 ทั่วประเทศพบผู้ติดเชื้อในสถานประกอบกิจการถึง 881 แห่ง ใน 62 จังหวัด และมีพนักงานติดเชื้อถึง 61,919 คน กระทรวงสาธารณสุขจึงได้มอบหมายกรมควบคุมโรค ประยุกต์มาตรการ bubble and seal โมเดลสมุทรสาคร เป็น bubble and seal แบบป้องกันและควบคุมโรค ร่วมกับกรมสุขภาพจิต กรมอนามัย  โดยเน้นการป้องกันแ

         "ปัจจุบันแนวโน้มของการติดเชื้อในสถานประกอบกิจการลดลงอย่างชัดเจน แม้จะเกิดการระบาดในระลอกสายพันธุ์โอมิครอนช่วงต้นปี 2565 ก็ไม่พบคลัสเตอร์ใหญ่หรือการระบาดในวงกว้าง และไม่พบการรายงานผู้ติดเชื้อในโรงงานตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2565 โดยรวมแล้วการดำเนินมาตรการ bubble and seal สามารถขยายผลออกไปได้ถึง 2,861 แห่งทั่วประเทศ เกิดต้นแบบสถานประกอบกิจการ จำนวน 87 แห่ง โดยแบ่งเป็นระดับดีเด่น 35 แห่ง และระดับดีมาก 52 แห่ง สำหรับการจัดประชุมในครั้งนี้ เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้รูปแบบการดำเนินงานที่ดี นำไปสู่การบูรณาการเครือข่ายเพื่อการดำเนินงาน เฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคโควิด 19 ในสถานประกอบกิจการ อันเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อ “ Living and Working with COVID -19 " นพ.โอภาสกล่าว

******************************************** 30 มิถุนายน 2565

********************************************



   
   


View 1470    30/06/2565   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ