ปลัด สธ. ติดตามการดูแลรักษา “พระ-ผู้แสวงบุญ” ในดินแดนพุทธภูมิ จัดส่งทีมแพทย์ 6 รุ่น รวม 60 คน
- สำนักสารนิเทศ
- 18 View
- อ่านต่อ
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 4.0 เขตสุขภาพที่ 3 ให้สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ดูแลสุขภาพประชาชน และช่วยเข้าถึงระบบบริการตามระดับอาการ พร้อมให้โอกาส อสม. และบุตร เข้ารับการศึกษาหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลเพื่อเป็นบุคลากรด้านสาธารณสุขที่มีคุณภาพในการดูแลประชาชนในพื้นที่
วันนี้ (30 กรกฎาคม 255) ที่ จ.พิจิตร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค พญ.วิพรรณ สังคหะพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 3 และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 4.0 โดยมี ตัวแทน อสม. เขตสุขภาพที่ 3 ได้แก่ จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท และ จ.นครสวรรค์
รวมกว่า 700 คนให้การต้อนรับ
นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายยกระดับคุณภาพการบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพประชาชน โดยมี อสม. หรือหมอคนที่ 1 เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบสาธารณสุขของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด 19 อสม.เป็นกำลังสำคัญสนับสนุนการทำงานบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ทำให้ประเทศไทยสามารถควบคุมโรคได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังเป็นผู้ที่ชักนำประชาชนให้เข้ารับการฉีดวัคซีน ทำให้ประเทศไทยมีภาพรวมผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนสูงกว่า 80% สะท้อนถึงความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุขไทย ทั้งนี้ ได้มีการพัฒนาศักยภาพ อสม. อย่างต่อเนื่อง โดยมีนโยบาย “อสม. 4.0” พัฒนาอสม. ให้มีความรอบรู้ด้านสุขภาพและด้านดิจิทัล สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติงานมากที่สุด อาทิ
เป็นผู้ประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้ประชาชนเข้าถึงบริการตามระดับอาการในระบบ 3 หมอ การคัดกรองติดตามอาการของผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 เป็นต้น นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังร่วมกับสถาบันพระบรมราชชนกจัดหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลสำหรับ อสม. และบุตร ที่ได้รับคัดเลือกและผ่านคุณสมบัติตามที่กำหนดให้ได้เข้าศึกษาและจบเป็นบุคลากรด้านสาธารณสุขที่มีคุณภาพในการดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่
“ขอขอบคุณ อสม. ที่ช่วยขับเคลื่อนงานสาธารณสุขในช่วงโควิด 19 จนประเทศไทยเป็นที่ยอมรับ และเป็นต้นแบบในการพัฒนาระบบการแพทย์และสาธารณสุขให้กับหลายประเทศ ในช่วงต่อจากนี้ ต้องขออสม.ช่วยรณรงค์ทำความเข้าใจให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้น เพื่อป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิต รวมทั้งสื่อสารให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคล สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อย ๆ ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคโควิด 19 รวมถึงโรคฝีดาษวานร ได้ด้วย” นายอนุทินกล่าว
********************************** 30 กรกฎาคม 2565
**************************************************