รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เร่งพัฒนามาตรฐานตลาดสดทั่วไทยให้ถูกสุขลักษณะ ชี้รอบ 4 ปีมานี้มีตลาดสดผ่านเกณฑ์มาตรฐานตลาดสดน่าซื้อแล้วร้อยละ 69 พร้อมออกกฎกระทรวงควบคุมมาตรฐานตลาดสด ตลาดนัด มีผลใช้แล้วเมื่อ 17 ม.ค. 2551 ตั้งเป้าอีก 3 ปี ตลาดสดทั่วประเทศถูกสุขลักษณะ วันนี้ (28 สิงหาคม 2551) ที่โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพมหานคร นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมผู้ประกอบการตลาดสดทั่วประเทศ นักวิชาการ และผู้เกี่ยวข้องจำนวน 200 คน เพื่อเร่งรัดพัฒนาตลาดสดให้ได้มาตรฐานตลาดสดน่าซื้อ จำหน่ายอาหารปลอดภัย พร้อมมอบรางวัลให้ชมรมผู้ประกอบการตลาดสดดีเด่นประจำปี 2551 และลงนามความร่วมมือในการพัฒนาตลาดสดน่าซื้อ นายวิชาญกล่าวว่า ตลาดสดเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบในการประกอบอาหารบริโภคของคนไทยมาช้านาน รัฐบาลมีนโยบายให้คนไทยบริโภคอาหารปลอดภัย ไร้การปนเปื้อนสารพิษ ซึ่งหากจัดการตลาดไม่ดี อาจจะเป็นแหล่งกระจายโรคเข้าสู่ครัวเรือนและชุมชนได้ ในการแก้ไขและป้องกันปัญหา กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายพัฒนาตลาดสดเป็นตลาดสดน่าซื้อ ให้ได้มาตรฐาน 3 ด้าน คือ ด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม ด้านความปลอดภัยอาหาร และด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ผลการพัฒนาในรอบ 4 ปีมานี้ มีตลาดสดผ่านเกณฑ์ตลาดสดน่าซื้อ จำนวน 1,045 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 69 ของตลาดทั่วประเทศที่มีทั้งหมด 1,524 แห่ง โดยในเขตกรุงเทพมหานครมีตลาดสดที่ผ่านเกณฑ์จำนวน 22 แห่ง จากทั้งหมด 153 แห่ง และจะรณรงค์กระตุ้นให้ผู้ประกอบกิจการตลาดสดปรับปรุงตลาดให้ได้มาตรฐาน ให้ได้ร้อยละ 90 ของตลาดสดทั้งหมดภายใน ปี 2552 นายวิชาญกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน เพื่อให้เกิดผลการพัฒนามาตรฐานตลาดสดระยะยาว กระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎกระทรวงว่าด้วยสุขลักษณะของตลาด พ.ศ. 2551 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2551 สาระหลักได้กำหนดให้ตลาดจำหน่ายอาหารในประเทศมี 2 ประเภท คือประเภทที่มีโครงสร้างคือตลาดทั่วๆไป และไม่มีโครงสร้าง เช่น ตลาดนัด โดยทุกแห่งต้องจัดระบบบำบัดน้ำเสีย มีน้ำสะอาดประจำแผงวางอาหาร และแผงวางอาหารต้องสูงจากพื้นไม่ต่ำกว่า 60 เซนติเมตร ส่วนผู้ขายจะต้องปฏิบัติให้ถูกสุขลักษณะ ขณะนี้แจ้งให้ทุกจังหวัดทราบแล้ว และผ่อนผันให้ผู้ประกอบการจัดทำแผนพัฒนาตลาดสดเป็นเวลา 150 วัน หลังจากนั้นจะเริ่มปฏิบัติตามกฎหมาย ตั้งเป้าภายใน 3 ปี คือพ.ศ. 2554 ตลาดทุกแห่งต้องได้มาตรฐานตามกำหนด ไม่มีการนั่งขายอาหารแบบแบกะดิน หากไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวง เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจออกคำสั่งตามมาตรา 45 หรือมาตรา 59 คือ สั่งปิดกิจการนั้น หยุดดำเนินกิจการ หรือสั่งเพิกใช้ใบอนุญาต แล้วแต่กรณี ด้านนายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในปี 2551 – 2552 กรมอนามัยจะเร่งปลุกกระแสสังคมให้คนไทยตระหนักถึงภัยร้ายของโรคอ้วน ที่เป็นเพชฌฆาตเงียบนำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และหัวใจ เป็นต้น โดยจะรณรงค์สร้างพฤติกรรมการกินให้ถูกต้อง ลดอาหารหวาน มัน เค็ม แล้วหันมากินผักผลไม้ให้มากขึ้น ปลูกฝังให้รักการออกกำลังกาย และให้ความรู้ในการเลือกซื้ออาหาร รวมถึงการปรุงและรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ และใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหารด้วย ********************************** 28 สิงหาคม 2551


   
   


View 8    28/08/2551   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ