สธ. เร่งสร้างค่านิยมสังคมไทย “เฮลท์ตี้ เฟิร์ส” สุขภาพดีมาก่อน

กระทรวงสาธารณสุข ติวเข้มการแปลงนโยบายสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2552 ไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับปัญหาในพื้นที่ มุ่งเน้น 8 กลยุทธ์สู่สุขภาพที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น โดยเร่งสร้างค่านิยมสังคมไทยทุกกลุ่มวัย ทุกอาชีพ ทุกสถานที่ยึดหลัก“เฮลท์ตี้ เฟิร์ส” สุขภาพดีมาก่อน นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดประชุมเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ในการพัฒนายุทธศาสตร์สุขภาพปีงบประมาณ 2552 เพื่อแปลงนโยบายระดับกระทรวงไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเช้าวันนี้ (1 กันยายน 2551) ที่โรงแรมเดอะทวิน ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ ว่า การจัดประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทิศทางการพัฒนาการสาธารณสุขในระดับจังหวัด สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน สภาพปัญหาในพื้นที่ และยุทธศาสตร์ระดับชาติและระดับกระทรวง โดยทิศทางการดูแลสุขภาพประชาชนไทยในอีก 20 ปีข้างหน้า ตามแผนของสภาพัฒน์ฯ จะมีการปฏิรูปโครงสร้างด้านสังคมที่เน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาทั้งระบบ การจัดบริการสาธารณะที่ได้มาตรฐาน ทั้งสวัสดิการ สังคม สุขภาพ การศึกษาและการเรียนรู้ ส่งเสริมสถาบันครอบครัวและชุมชนให้มีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนา และพัฒนาคนให้เหมาะสมกับช่วงอายุ เป็นต้น นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า สำหรับทิศทางการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข ในปี 2552 มุ่งสู่คนไทยทุกคนสุขภาพดี โดยมี 8 กลยุทธ์ เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลด้านสุขภาพและนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่ว่า สุขภาพที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น (Better health for Better life) ได้แก่ 1.พัฒนางานตามโครงการสนองแนวพระราชดำริและโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ 2.สร้างความเข้มแข็งความเชื่อมั่นความปลอดภัยทางสุขภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3.บริหารงานสาธารณสุขทุกระดับด้วยความเป็นเอกภาพเป็นธรรม ลดความทุกข์ เพิ่มความสุข ผู้ปฏิบัติงานมีขวัญกำลังใจดี และพัฒนาคุณภาพบริการด้วยการลงทุนขนาดใหญ่หรือเมกกะโปรเจค 4.สร้างค่านิยมสุขภาพดีมาก่อนหรือเฮลท์ตี้ เฟิร์ส (Healthy First) ในสังคมไทยทุกกลุ่มอายุ กลุ่มอาชีพ ทุกสถานที่ เพื่อให้การดำเนินงานสาธารณสุขเชิงรุกทั่วถึง ประชาชนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ครอบคลุมถึงการลดโรคภัยต่างๆ เกิดอาหารปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งทั้งหมดนี้เอื้อต่อการมีสุขภาพดี 5.สร้างค่านิยมร่วมในการทำงานด้านสุขภาพกับผู้นำทุกระดับ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมพัฒนาสุขภาพประชาชน มีการระดมทรัพยากรร่วมกัน 6.ปลูกฝังการออกกำลังกายตั้งแต่วัยเด็ก วัยเรียน 7.เพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทย นวดไทย การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ นำทางสู่ธุรกิจบริการสุขภาพ และ 8.องค์กรสาธารณสุขทุกระดับน่าอยู่ ปลอดภัยทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ โดยผลลัพธ์สุดท้ายของการพัฒนาร่วมกันคือ คนไทยทุกคนมีสุขภาพดีตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้านนายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กล่าวว่า นอกจากประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านนโยบายยุทธศาสตร์และแผน และบทบาทภารกิจใหม่ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 แล้ว ผู้เข้าร่วมประชุมที่ส่วนใหญ่มาจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งหลายแห่งได้มีการถ่ายโอนสถานีอนามัยให้กับอปท.แล้ว จะได้มีการทบทวนและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อเตรียมดำเนินการตามแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจด้านสาธารณสุขให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ 2) ให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุดต่อไป ******************1 กันยายน 2551