ปลัด สธ. ติดตามการดูแลรักษา “พระ-ผู้แสวงบุญ” ในดินแดนพุทธภูมิ จัดส่งทีมแพทย์ 6 รุ่น รวม 60 คน
- สำนักสารนิเทศ
- 15 View
- อ่านต่อ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมพัฒนาศักยภาพ อสม. ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด 19 ในชุมชน จ.ระยอง ฟื้นฟูความรู้และยกระดับเป็น อสม.หมอประจำบ้าน ตั้งเป้าอบรมให้ครบทุกอำเภอ พร้อมย้ำให้เร่งเชิญชวนประชาชนฉีดวัคซีนให้ครบ 4 เข็ม เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน รับฤดูกาลท่องเที่ยวหมู่เกาะและทะเลภาคตะวันออก
วันนี้ (14 มกราคม 2566) ที่ห้องประชุมโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพ อสม. ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในชุมชน จังหวัดระยอง ปี 2566 โดยมี นายแพทย์ประดิษฐ์ ปฐวีศรีสุธา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาล สาธารณสุขอำเภอ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ อสม. อำเภอเมืองระยอง เข้าร่วมกว่า 1,200 คน ตั้งเป้า
จัดอบรมให้ครบทั้ง 8 อำเภอ รวม 5,000 คน มุ่งยกระดับสู่การเป็นหมอประจำบ้าน ภายในปีนี้
ดร.สาธิต กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้คนไทยทุกคนมีหมอประจำตัว 3 คน ซึ่ง อสม.จะเป็นหมอประจำบ้าน ที่เป็นกลไกสำคัญเชื่อมต่อการทำงานกับหมอสาธารณสุข และหมอครอบครัว โดยจังหวัดระยอง มีอสม. 10,427 คน เป็นผู้นำในการดูแลและเฝ้าระวังสุขภาพในชุมชน ตามคำกล่าว “แก้ข่าวร้าย กระจายข่าวดี ชี้บริการ ประสานงานสาธารณสุข บำบัดทุกข์ประชาชน ทำตนเป็นตัวอย่างที่ดี” การให้ความรู้ด้านวิชาการ เพิ่มพูนทักษะการปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้ อสม.สามารถจัดการปัญหาสุขภาพของประชาชน ร่วมกับทีมหมอครอบครัวและเครือข่ายสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.สาธิต กล่าวต่อว่า แม้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 จะคลี่คลายลง แต่การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นยังคงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยลดการป่วยหนักและการเสียชีวิตได้ ซึ่งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ของจังหวัดระยอง ยังคงเป็นผู้สูงอายุ ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีนและมีประวัติการป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค ประกอบกับ ปี 2566 มีการเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวหมู่เกาะและทะเลภาคตะวันออก คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก จึงขอให้ อสม.เร่งกระตุ้นเชิญชวนประชาชนเสริมภูมิคุ้มกันโรคโควิด 19 ให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนให้ครบ 4 เข็ม ซึ่งขณะนี้ยังมีการฉีดไม่ถึง 10% หรือ มีเพียง 90,136 ราย เท่านั้นที่ฉีดวัคซีนครบ จากกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 932,307 ราย
***************************** 14 มกราคม 2566
***********************