รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข 4 เขตสุขภาพภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบโรงพยาบาลทุกระดับพัฒนาระบบบริการ ช่วยประชาชนเข้าถึงบริการขั้นสูง ทั้งหัวใจ หลอดเลือดสมอง ปลูกถ่ายอวัยวะ พร้อมส่งเสริมกัญชาทางการแพทย์ในผู้ป่วยประคับประคอง ต่อยอดผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ

          วันนี้ (16 มีนาคม 2566) ที่ โรงพยาบาลขอนแก่น จ.ขอนแก่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร ติดตามการดำเนินงานพร้อมมอบนโยบายให้เขตสุขภาพที่ 7, 8, 9 และ 10 โดยมี นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์  ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 7 นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 8 นพ.ภูวเดช สุระโคตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 9 และ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 10 พร้อมด้วยบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขให้การต้อนรับ

          นายอนุทิน กล่าวว่า จากการติดตามการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงสาธารณสุขในเขตสุขภาพต่างๆ ที่ผ่านมา รวมถึง 4 เขตสุขภาพภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันนี้ พบว่ามีความก้าวหน้าทุกพื้นที่ ทั้งการพัฒนาศักยภาพการบริการ การสร้างเสริมสุขภาพให้คนไทยแข็งแรง การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะบริการการแพทย์ขั้นสูงที่ทำได้ภายในเขตสุขภาพ เช่น ผ่าตัดหัวใจ รักษามะเร็ง รักษาโรคหลอดเลือดสมอง รวมถึงการฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม ช่วยลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนได้อย่างมาก ส่วนกัญชาและสมุนไพรไทย มีการต่อยอดจากการใช้ทางการแพทย์ไปสู่ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่หลากหลาย จนสร้างรายได้ให้กับประชาชนรวมหลายร้อยล้านบาท ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นได้เพราะบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และร่วมมือกันทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน

          นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า เขตสุขภาพที่ 7 (ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์) มีการพัฒนาเป็นศูนย์เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ทั้งด้านการแพทย์ฉุกเฉินและอุบัติเหตุ การบาดเจ็บหลายระบบ ให้การรักษาโรคหลอดเลือดสมอง ด้วยการลากลิ่มเลือดผ่านสายสวน (Thrombectomy) รักษาโรคมะเร็งด้วยรังสี เคมีบำบัด และการผ่าตัด ช่วยผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาภายใน 6 สัปดาห์ ถึง 96% สามารถผ่าตัดโรคหัวใจแบบเปิด พัฒนาระบบผ่าตัดปลูกถ่ายไตได้ มีทีมปลูกถ่ายอวัยวะประจำการตลอด 24 ชั่วโมง มีการนำศักยภาพ อสม. ในพื้นที่มาร่วมดูแลสุขภาพประชาชนตามนโยบาย 3 หมอ รวมทั้งให้บริการผ่านระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ช่วยลดค่าใช้จ่ายประชาชนในการมาโรงพยาบาลได้กว่า 2 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการพัฒนาสมุนไพรไทย กัญชา กัญชง เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 351 ล้านบาท

                นพ.ปราโมทย์ กล่าวว่า เขตสุขภาพที่ 8 (อุดรธานี สกลนคร นครพนม เลย หนองคาย หนองบัวลำภู บึงกาฬ) ใช้กลไกเขตสุขภาพในการพัฒนาบริการตั้งแต่ระดับปฐมภูมิ จนถึงบริการขั้นสูง เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการเพิ่มมากขึ้น โดยเชื่อมโยงฐานข้อมูลผู้ป่วยในเขตด้วยโปรแกรม R8 Anywhere ดูแลผู้ป่วยไร้รอยต่อ มีการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลให้เป็นศูนย์โรคหัวใจถึง 5 แห่ง ที่ โรงพยาบาลอุดรธานี โรงพยาบาลสกลนคร โรงพยาบาลเลย โรงพยาบาลหนองคาย และโรงพยาบาลนครพนม ให้บริการสวนหัวใจ ผ่าตัดหัวใจ ไม่มีคิว ช่วยผู้ป่วยเข้าถึงบริการได้มากและรวดเร็วขึ้น รวมทั้งใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเชื่อมโยง 3 หน่วยงาน ให้บริการผู้พิการแบบเบ็ดเสร็จ สามารถตรวจประเมินและออกใบรับรองแพทย์อิเล็คทรอนิกส์เพื่อลงทะเบียนผู้พิการได้ภายใน 1-2 วัน จากเดิม 30 วัน ขณะที่การส่งเสริมกัญชา- กัญชง-สมุนไพร ได้จัดเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพครอบคลุม 7 จังหวัด รวม 22 เส้นทาง พัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Ganja R8way สร้างมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท /ปี นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการวิจัยทางคลินิกของวัคซีนโควิด 19 HXP-GPOVac ของอค์การเภสัชกรรม ที่จังหวัดนครพนม พัฒนาศูนย์กลางบริการวิชาการและงานวิจัย ภายใต้โครงการ Udon thani Green Medical Town เพื่อให้เกิดความยั่งยืนด้านสุขภาพในอนาคต

          นพ.ภูวเดช กล่าวว่า เขตสุขภาพที่ 9 (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) เป็นพื้นที่แรกในการขับเคลื่อนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ประชาชนเข้ารับบริการที่ใดก็ได้และเปลี่ยนสิทธิ์การรักษาได้ภายใน 24 ชั่วโมง โรงพยาบาลศูนย์ 4 แห่ง มีศูนย์โรคหัวใจ สามารถผ่าตัดหัวใจแบบเปิดได้ โรงพยาบาลทุกแห่งสามารถให้ยาละลายลิ่มเลือด และเปิดศูนย์ Mechanical thrombectomy ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และโรงพยาบาลชัยภูมิ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ ยังเปิดให้บริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์แบบบูรณาการครบทุกโรงพยาบาล โดยในปี 2565 ให้บริการผู้ป่วยกว่า 10,000 รายการ ผู้ป่วยระยะประคับประคองกว่า 1,500 ราย และแผนปัจจุบันกว่า 1,700 ราย โดยมีโรงพยาบาลคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นศูนย์การผลิตตำรับยากัญชาทั้งแผนไทยและแผนปัจจุบัน รวมทั้งมีเส้นทางท่องเที่ยวและศูนย์แสดงผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ครบทุกจังหวัด

          นพ.สมฤกษ์ กล่าวว่า เขตสุขภาพที่ 10 (มุกดาหาร ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี) มีผลงานสำคัญในการขับเคลื่อนงานตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข อาทิ โครงการ “เลือกฟอกไตแบบที่ใช่ได้ทุกคน” เปิดคลินิกรองรับการฟอกไตใกล้บ้านทั้ง 5 จังหวัด, เชื่อมโยงข้อมูลการรักษาทุกโรงพยาบาลด้วย Smart Refer ทำให้ผู้ป่วยในเขตสุขภาพกว่า 90% ไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว, โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี พัฒนาศักยภาพด้านการปลูกถ่ายอวัยวะ โดยเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่สามารถผ่าตัดปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดแดงได้ นอกจากนี้ ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ที่ผ่านมา โรงพยาบาลศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ ได้พัฒนาระบบห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจ PCR ให้กับประชาชน สามารถรายงานผลตรวจได้วันละ 1,500 -2,000 ราย และรับตรวจจากโรงพยาบาลอื่นในจังหวัด โดยมีผลการดำเนินงานตรวจ PCR ได้สูงสุดในเขตฯ

 ******************************************* 16 มีนาคม 2566

 



   
   


View 609    16/03/2566   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ