กระทรวงสาธารณสุข เผยความสำเร็จการพัฒนาไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพของเอเชีย ปี 2551 มีสปาเพื่อสุขภาพผ่านการรับรองมาตรฐานกว่า 300 แห่ง พัฒนามาตรฐานถึงขั้นสากลแล้ว 23 แห่ง สร้างรายได้กว่า 3,800 ล้านบาท ขณะที่บริการรักษาพยาบาลของไทยขึ้นแท่นยอดฮิตต่างชาติใช้บริการ 1.5 ล้านคน มากเป็นอันดับ 1ในภูมิภาค เร่งพัฒนาสปาไทยมาตรฐานสากล และดันโรงพยาบาลเอกชนที่มีความพร้อมเข้าฮับเพิ่ม วันนี้ (11 ธันวาคม 2551) นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมสถานบริการสปาเพื่อสุขภาพ ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้รับการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานในระดับสากล และการพัฒนาสถานบริการสุขภาพ เพื่อรองรับนโยบายรัฐบาล พัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพของเอเชีย (Thailand as Medical Hub of Asia) นายแพทย์สมยศ กล่าวว่า ตามนโยบายดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบใน 2 ผลผลิตหลัก คือ บริการรักษาพยาบาล และบริการส่งเสริมสุขภาพ โดยในส่วนของสปาเพื่อสุขภาพ ขณะนี้กำลังได้รับความนิยมมาก สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจาก 3,000 ล้านบาทในปี 2549 เป็น 3,852 ล้านบาทในปี 2551 กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จึงมีโครงการพัฒนาสปาไทยเข้าสู่มาตรฐานสากล (Thai World Class Spa) เพื่อยกระดับคุณภาพสปาเพื่อสุขภาพในไทย ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ แพลทตินั่ม โกลด์ และซิลเวอร์ ทั้งนี้เกณฑ์ประเมินสปาไทยมาตรฐานระดับสากล จะแบ่งเป็นด้านต่างๆ เหมือนกับสปาเพื่อสุขภาพทั่วไป แต่จะเข้มข้นขึ้น คือด้านการบริการ (Service Quality) เน้นความครบถ้วน มีคุณภาพตามหลักวิชาการ และความพึงพอใจลูกค้า ด้านบุคลากร (Skill Staff) ผู้บริหารต้องพูดภาษาไทยและต่างประเทศได้ดี ส่วนพนักงานต้องผ่านการอบรมหลักสูตรเฉพาะด้านต่างๆ มากกว่าเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขรับรอง ด้านผลิตภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์ (Tool and Equipment) ต้องได้มาตรฐาน ปลอดภัย ผ่านการรับรองจาก อย. มีเครื่องมือและอุปกรณ์พิเศษ เช่น ซาวน่า เครื่องออกกำลังกาย และมีการตรวจสอบเครื่องมือสม่ำเสมอ ด้านการบริหารและการจัดการองค์กร (Organization and Management Quality) ต้องมีคู่มือการทำงาน มีการพัฒนาบุคลากร และเน้นจริยธรรม จรรยาบรรณการประกอบธุรกิจ ส่วนด้านสถานที่และสิ่งแวดล้อม (Ambient) เน้นตกแต่งสถานที่ด้วยเอกลักษณ์ความเป็นไทย และเป็นธรรมชาติ มีเสียงเพลงที่ช่วยให้ผ่อนคลาย มีเครื่องมือและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้า เช่น ห้องอาหารเพื่อสุขภาพ เครื่องดื่มสุขภาพ มุมพักผ่อน สถานที่ทำสมาธิ เป็นต้น นายแพทย์สมยศ กล่าวต่อว่า การรับรองคุณภาพจะมีอายุ 3 ปี และคณะกรรมการซึ่งมาจากผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญสาขาที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนสถาบันการศึกษา และผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข จะทำการตรวจประเมิน ปีละ 3 ครั้ง เพื่อเป็นการคงมาตรฐาน รวมทั้งป้องกันปัญหาสปาแอบแฝงขายบริการทางเพศ ในปี 2551 ไทยมีสถานประกอบการสปาเพื่อสุขภาพทั้งหมด 1,284 แห่ง ผ่านการตรวจรับรองมาตรฐานของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แล้ว 321 แห่ง ส่วนสปาไทยมาตรฐานสากล ขณะนี้ผ่านการประเมินแล้ว 23 แห่ง ในปี 2552 ตั้งเป้ารับรองมาตรฐานเพิ่มเป็น 50 แห่ง สำหรับบริการรักษาพยาบาล ขณะนี้ไทยมีผู้ป่วยต่างชาติเข้ารักษามากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ในปี 2550 มีผู้ป่วยต่างชาติเข้ามารักษาถึง 1.5 ล้านคน ซึ่งนอกจากกระทรวงสาธารณสุขจะควบคุมมาตรฐานสถานพยาบาลเอกชน ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้ผู้รับบริการแล้ว ยังสนับสนุนให้โรงพยาบาลที่มีความพร้อมในการบริการชาวต่างชาติ สร้างบริการทางการแพทย์ที่แตกต่าง และเป็นที่พึงพอใจของผู้รับบริการ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของไทย จากการสำรวจพบว่ามีความพร้อมประมาณ 50 แห่ง ได้ให้กองการประกอบโรคศิลปะเร่งส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพ เพื่อให้เข้าโครงการศูนย์กลางสุขภาพของเอเชียมากขึ้น ตั้งเป้าปี 2552 มีโรงพยาบาลเอกชนผ่านการรับรองคุณภาพเพิ่มขึ้น ร้อยละ 10 และชาวต่างชาติเข้ามารับบริการในไทยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 10 ในส่วนของโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม ซึ่งเป็น 1 ใน 50 โรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการดูแลชาวต่างชาติ ในปี 2551 มีชาวต่างชาติมารับบริการรวม 40,876 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ ออสเตรเลียและเยอรมัน ตามลำดับ ****************************** 11 ธันวาคม 2551


   
   


View 6    11/12/2551   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ