สธ. เผยขณะนี้มีเด็กขาดเรียนเหตุจากปวดฟันปีละ 515,000 คน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยขณะนี้พบเด็กไทยวัยประถมศึกษากว่าครึ่งเป็นโรคฟันผุ และปวดฟัน จนต้องขาดเรียนเพิ่มขึ้นปีละ 515,000 คน ให้กรมอนามัยจับมือกระทรวงศึกษาธิการร่วมกันดูแลสุขภาพช่องปาก โดยเฉพาะการแปรงฟันหลังอาหารกลางวัน การทำโรงเรียนปลอดน้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบตัวการทำให้ฟันผุ นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานมอบโล่รางวัลคู่หูโรงเรียนส่งเสริมทันตสุขภาพ จำนวน 78 แห่ง และปิดการประชุมสรุปบทเรียนการดำเนินงานโครงการประกวดคู่หูโรงเรียนส่งเสริมทันตสุขภาพ ประจำปี 2551 ที่โรงแรมริชมอนด์ จ.นนทบุรี ว่า ขณะนี้พบโรคฟันผุในเด็กวัยเรียน ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานกับเด็กไทย โดยผลสำรวจกรมอนามัยในปี 2550 พบเด็กอายุ 12 ปี ซึ่งอยู่ในชั้นประถมศึกษา เป็นโรคฟันผุร้อยละ 57 และมีเด็กขาดเรียนเนื่องจากปวดฟันเพิ่มสูงขึ้นปีละ 515,000 คน ขณะที่ปี 2544 พบเพียง 422,000 คนเท่านั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงเร่งควบคุมป้องกันปัญหาโรคฟันผุอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้กรมอนามัยร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการดูแลสุขภาพฟันของนักเรียนอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อให้เยาวชนไทยมีสุขภาพดี และมีสมาธิในการเรียนมากขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องปวดฟัน ทางด้านนายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้จัดทำโครงการประกวดคู่หูโรงเรียนส่งเสริมทันตสุขภาพ มาตั้งแต่ปี 2548 เพื่อสร้างกระแสการดูแลทันตสุขภาพ โดยให้โรงเรียนจับคู่กับโรงเรียนที่อยู่ใกล้กัน ร่วมจัดกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการเรียนรู้ การควบคุมการบริโภคอาหารและขนมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น ประกาศเป็นโรงเรียนปลอดน้ำอัดลมหรือโรงเรียนปลอดขนมกรุบกรอบ และการจัดกิจกรรมฝึกทักษะการแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ การฝึกทักษะการตรวจความสะอาดหลังแปรงฟันหลังอาหารกลางวันทุกวัน เพื่อกระตุ้นปลูกฝังนิสัยให้เด็กดูแลรักษาปากและฟัน ตลอดจนการคิดค้นนวัตกรรมด้านส่งเสริมทันตสุขภาพในสถานศึกษา การจัดงานในครั้งนี้ เป็นการสนับสนุนโรงเรียนให้จับคู่พัฒนาการเรียนรู้ แบ่งปันทรัพยากร แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีการเรียนรู้ทันตสุขภาพในโรงเรียน จนเกิดเครือข่ายระหว่างโรงเรียน มีทักษะการทำงานเป็นทีม โดยมีผู้บริหารการศึกษา ครู ทันตบุคลากร และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบงานส่งเสริมสุขภาพเข้าร่วมประชุมกว่า 300 คน ***************************** 8 มกราคม 2552